ระบบจรวดรุ่นใหม่สุดทันสมัยของกองทัพประเทศอิสราเอล
ท่ามกลางสงครามและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก
ทางการหรือรัฐยาลประเทศต่างๆ ล้วนมีความต้องการที่ผลิต พัฒนา
หรือครองครองอาวุธประสิทธิภาพสูง ที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพ
หรือความน่าเชื่อถือให้กับกองทัพของตน โดยระบบอาวุธล่าสุด
ที่ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก ก็คือระบบจรวจต่อต้านขีปนาวุธของอิสราเอล
ระบบจรวดนี้มีชื่อว่า 'Iron Dome'
เป็นระบบป้องกันขีปนาวุธที่พัฒนาโดยอิสราเอล ถูกออกแบบมา
เพื่อสกัดกั้นและทำลายจรวดพิสัยสั้นและกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงจากระยะไกล
ตั้งแต่ 4 ถึง 70 กิโลเมตร ซึ่งอาจยิงจากฉนวนกาซาหรือเลบานอน
ระบบดังกล่าวเริ่มใช้งานครั้งแรกในปี 2554 ถูกใช้ในเหตุการณ์ความขัดแย้งมากมาย
รวมถึงความขัดแย้งในฉนวนกาซาในปี 2555 และ 2557
ตัวจรวดมีขนาดความกว้าง 160 มิลลิเมตร
ยาว 3 เมตร และมีนำหนัก 90 กิโลกรัม ต่อ 1 ลูก
ระบบ Iron Dome ใช้เรดาร์ ศูนย์ควบคุม และเครื่องสกัดกั้นร่วมกัน
เพื่อตรวจจับภัยคุกคามที่เข้ามาและยิงพวกมันก่อนที่จะถึงเป้าหมาย
เครื่องสกัดกั้นของระบบติดตั้งหัวรบขนาดเล็กที่จะจุดชนวนใกล้กับจรวดที่เข้ามา
และทำลายมันกลางอากาศก่อนที่ตกลงมาถึงพื้นหรือสิ่งก่อสร้าง
Iron Dome ได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมาก ในการช่วยชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วน
และลดความเสียหายระหว่างความขัดแย้งกับฮามาสในฉนวนกาซา
อย่างไรก็ตาม ระบบจรวดดังกล่าวก็ถูกวิจารณ์ไม่น้อยเช่นกัน
เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก โดยในปัจจุบัน Iron Dome
ถูกผลิตและใช้งานแล้ว 10 กองร้อย โดยในหนึ่งกองร้อยจรวด
จะมีค่าต้นทุนระบบอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 1700 ล้านบาท
และจรวดต่อต้านขีปนาวุธที่บรรจุอยู่ในระบบ มีราคาแพงมาก
ถึงลูกละประมาณ 100,000 - 150,000 ดอลลาร์ (3.4 - 5.1 ล้านบาท)
ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย