"นางใน" ในราชสำนักที่ "สวมเขา" ให้กษัตริย์อังกฤษ,ฝรั่งเศส,เยอรมัน
ถ้าเมื่อหลายร้อยปีก่อน "นางใน" ถือเป็นแฟชั่นในราชสำนักเลยก็ว่าได้ เพราะพวกนางมีหน้าที่คอยรับคำสั่งจากกษัตริย์ให้เข้าไปปรนนิบัติรับใช้ แต่ทว่าก็มีนางในหลายคนที่กล้าทำเรื่องเสี่ยงชีวิต นั่นก็คือการลักลอบ "คบชู้สู่ชาย" และมีเพียงไม่กี่คนที่จะได้รับการอภัยโทษ หรือบางคนก็แค่โดนเนรเทศให้พ้นจากเมือง แต่ส่วนใหญ่มักจะมีจุดจบคือการ "โดนปรหารชีวิต" หรือไม่ก็โดนขังลืมไปเลย
1.นางในบาร์บารา พาล์มเมอร์
คนแรกเลยก็คือ "บาร์บารา พาล์มเมอร์" (Barbara Palmer) (มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1640-1709) นางมีผมสีแดงอมน้ำตาล เป็นนางในสูงศักดิ์ของ "กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ (Charles II of England) โดยนางเป็นที่โปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง
และนางก็ยังเป็นสะใภ้ของตระกูลพาล์มเมอร์ในระหว่างที่เป็นนางในด้วย จนสามีชื่อ "โรเจอร์ พาล์มเมอร์" (Roger Palmer) ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "เอิร์ลแห่งคาสเซิลเมน" (Earl of Castlemaine) ในปี ค.ศ. 1661
และแต่งตั้งให้นางเป็น "ดัชเชสแห่งคลีฟแลนด์" (Duchess of Cleveland) และ "เคาน์เตสแห่งคาสเซิลเมน" (Countess of Castlemaine)
• การคบชู้ของนางนั้นเป็นที่พูดถึงไปทั่วราชสำนัก แต่กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 2 ก็ทนหลับหูหลับตาไม่สนใจ แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับพฤติกรรมของนางซะงั้น จนมีครั้งหนึ่งขณะที่นางกำลังเริงรักกับ "แฮร์รี่ เจอร์มิน" (Harry Jermyn) ข้าราชสำนักคนหนึ่ง กษัตริย์ก็เสด็จมาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า ทำให้ชู้รักต้องลงไปหลบใต้เตียง
จนนางตั้งครรภ์เป็นครั้งที่ 6 แต่กษัตริย์ก็ไม่ยอมรับเด็กคนนี้ว่าเป็นลูก จนนางขู่ว่าจะฆ่าลูกต่อหน้าพระองค์ และพูดประกาศว่าไม่ว่าเด็กคนนี้จะลูกใครฝีมือใคร กษัตริย์ก็ต้องรับผิดชอบจนหลายวันต่อมาพระองค์ก็ต้องไปง้อคุกเข่าขอโทษนางจนได้
• เรื่องอื้อฉาวยังมีต่อในปี ค.ศ. 1671 ก็มีคนมาทูลกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 2 ว่า นางกำลังหลับนอนกับ "วิลเลียม ไวเชอร์ลีย์" (William Wycherley) นักเขียนบทละคร ในบ้านของเพื่อนสนิทนาง พอกษัตริย์ไปถึงก็พบว่าชู้รักกำลังสวมเสื้อคลุมออกจากบ้านไปแล้ว พอพระองค์ขึ้นไปบนบ้านก็เห็นนางอยู่บนเตียง พอถามนางก็บอกว่า.."แค่มาทำพิธีกรรมในเทศกาลมหาพรต (เทศกาลถือศีลอด 40 วัน) เท่านั้น"
• นางมีตัณหาราคะสูงเลยมักมีความหมกมุ่นในกาม ไม่ว่าจะร่วมรักกับคนรับใช้, นักไต่เชือก, โดยมีพยานเห็นมากมาย แถมใจป้ำเลี้ยงดูหนุ่มๆพวกนี้จากการขอเงินเบี้ยรายปีมาให้หนุ่มๆเหล่านี้ด้วย
• ชู้รักคนโปรดคือ "จอห์น เชอร์ชิล" (John Churchill) จนเมื่อขบวนเสด็จของกษัตริย์ชาร์ลส์ แวะไปบ้านขุนนางคนนี้โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ชู้รักจึงต้องกระโดดหน้าต่างหนีตายทันที จนในภายหลังเงินก้อนใหญ่ในฐานะนางในก็ตกอยู่ในมือของชู้รักคนนี้จนหมดสิ้น
• นางเริ่มเสื่อมความนิยม กษัตริย์ชาร์ลส์เองก็เอือมระอากับพฤติกรรมของนาง และกษัตริย์ก็มีนางสนมคนใหม่มาแทนนาง จนต่อมาอีก 4 ปีนางก็เสียชีวิตจากโรคบวมน้ำ
2.นางในโลลา มอนเทซ
คนที่ 2 ก็มีพฤติกรรมไม่แพ้นางบาร์บารา พาล์มเมอร์ เช่นกัน เธอชื่อ "โลลา มอนเทซ" (Lola Montez) เป็นนางระบำและนักแสดงชาวไอริชที่เปี่ยมเสน่ห์ มีชีวิตในช่วงปี ค.ศ. 1821-61 เป็นนางในของ "กษัตริย์ลุดวิกที่ 1 แห่งบาวาเรีย" (King Ludwig I of Bavaria) จนทำให้พระองค์หมกหมุ่นหลงใหลหัวปักหัวปำกันเลยทีเดียว
• นางเจอกษัตริย์เมื่อครั้งเดินทางมายังมิวนิกในปี ค.ศ. 1846 หลังจากคู่รักชาวปารีสของนางเสียชีวิต กษัตริย์ลุดวิกมีความปรารถนาในตัวนางอย่างมาก แถมมักเขียนจดหมายหรือแต่งบทกวีให้นางอยู่เสมอ แต่นางก็ไม่ได้พึงพอใจอะไรเลย
• นางมีชู้รักมากหน้าหลายตาทั้งในมิวนิกและต่างเมือง แถมใช้บ้านที่กษัตริย์ลุดวิกซื้อให้เป็นรังรักอีกด้วย และนางก็มักจะอ้างว่าหนุ่มๆเหล่านี้เป็นแค่องครักษ์ หรือนักศึกษาที่มาชื่นชอบผลงานของนางเท่านั้น
• แต่พฤติกรรมของนางก็ไม่เคยลอดจากสายตาของกษัตริย์ลุดวิก แต่พระองค์ก็ยังไม่ยอมเชื่อ และมักคิดว่านางมีใจภักดีต่อพระองค์เพียงผู้เดียวอีก พระองค์ก็ยังคงหน้ามืดตามัวอยู่ดี ถึงขนาดบังคับให้สภาที่ไม่เห็นด้วยกับพระองค์ ให้แต่งตั้งนางเป็น "เคาน์เตสแห่งแลนด์สเฟลด์" (Countess of Landsfeld)
• ในปี ค.ศ. 1847 ก็เกิดการปฎิวัติจนนางถูกกลุ่มคนที่ไม่ชอบไล่ออกจากเมือง ส่วนกษัตริย์ลุดวิกที่ 1 จำต้องสละราชสมบัติในปี ค.ศ. 1848
• กษัตริย์ลุดวิกทนแรงกดดันจากการปฎิวัติที่กำลังลามไม่ไหว จึงทำให้นางต้องเดินทางออกจากมิวนิกย้ายไปอเมริกาในปี ค.ศ. 1851
• บั้นปลายชีวิตนางตกต่ำอย่างมาก แม้นางจะอ้อนวอนให้กษัตริย์ลุดวิกส่งเงินทองมาให้ และให้คำสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ไม่เสื่อมคลาย แต่สุดท้ายกษัตริย์ลุดวิกก็ไม่เชื่อคำพูดของนางอีก แต่ถึงอย่างไรพระองค์ก็ยังไม่เคยลืมนาง แม้วาระสุดท้ายของชีวิตกษัตริย์ลุดวิกก็ยังคงเขียนบทกวีถึงเรื่องราวของชายหัวใจสลายอีกด้วย
3.นางในฟรังซัวส์ เดอ ฟัวซ์
คนที่ 3 คือ "ฟรังซัวส์ เดอ ฟัวซ์" (Francoise de Foix) สนมเอกอายุ 23 ปี ซึ่งในบรรดากษัตริย์ที่โดนนางในสวมเขา ก็นับว่ายังมี "กษัตริย์ฟรังซัวส์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส" (King Francis I of France) ที่มีโอกาสได้แก้เผ็ดชู้รักอยู่บ้าง โดยที่พระองค์ไม่รู้ตัวก็ตาม ซึ่งเรื่องราวเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1518
Bonnivet_(François_Gouffier)_(1518-1557)
นางได้นัดชู้รัก "พลเรือนเอกบงนิเวต์" (Bonnivet) มาเริงรักในห้องนอน พอได้ยินเสียงกษัตริย์กำลังจะเสด็จมา ชูรักก็ต้องรีบกระโจนออกจากเตียงไปซ่อนตัวในข้างเตาผิงขนาดใหญ่ แต่ก็ดันโชคไม่ดีเพราะกษัตริย์เกิดอยากปัสสาวะก่อนจะหลับนอนกับนาง ก็เลยปัสสาวะใส่ทำให้บงนิเวต์ที่ซ่อนตัวอยู่หลังกองไม้ข้างเตาผิง จึงต้องเปียกโชกไปด้วยน้ำปัสสาวะของพระองค์ไปทั่วตัวนั่นเอง
ขอบคุณภาพต่างๆจาก : google