สงครามเย็น
"สงครามเย็น" ซึ่งเกิดระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียต ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 1947 ถึง 1991 โดยเนื่องจากการต่อสู้ทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างฝ่ายตะวันตกและตะวันออกที่เป็นอุตสาหกรรมใหญ่ของโลกในสมัยนั้น สงครามเย็นเป็นการแสดงสภาพการแข่งขันและความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายที่ไม่ได้มีการสู้รบโดยตรง แต่มีการแข่งขันทั้งทางการทหาร การพัฒนาเทคโนโลยี การแข่งขันทางเศรษฐกิจ และการกระทำทางการด้านการทูตและการเมือง
ความขัดแย้งในสงครามเย็นเกิดขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อสหภาพโซเวียตเริ่มขยายอิทธิพลของตนไปสู่ยุโรปตะวันออกและเกิดการแย่งชิงเขตความเผาผลาญกันกับสหรัฐฯ ที่เริ่มเรียกร้องนโยบาย "ความช่วยเหลือเผาผลาญ" โดยสนับสนุนประเทศที่ตกค้างกลับมาอยู่ในสนามแข่งขันของสองพันธมิตร ซึ่งนำไปสู่การแย่งชิงเขตความเผาผลาญทั่วโลก ซึ่งสามารถอาจจะเกิดการสงครามระหว่างสองฝ่ายได้
การขัดแย้งทางเรือนานาชาติระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียตมีหลักการสูงส่งทั้งสองฝ่าย ซึ่งรวมถึงนโยบาย "เส้นตาย" (Mutually Assured Destruction, MAD) ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ คือถ้ามีการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จากฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายจะตอบโต้ด้วยการตอบโต้ที่ดุร้ายและสามารถทำลายกันได้ เนื่องจากความสามารถของอาวุธนิวเคลียร์ที่สามารถทำลายโลกเต็มรูปแบบ
สงครามเย็นสิ้นสุดลงในปี 1991 เมื่อสหภาพโซเวียตสลายตัวลง โดยมีเหตุการณ์หลักคือการล่มสลายของกลุ่มฝ่ายคัมลักซ์ และการปฏิวัติที่เกิดขึ้นในประเทศต่าง ๆ ในฝั่งตะวันออกของสหภาพโซเวียต ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจ สุดท้ายสหภาพโซเวียตถูกยุบลงในปี 1991 และมุ่งหน้าสู่การเป็นประเทศต่าง ๆ ในรูปแบบของเศรษฐกิจตลาดเสรี สงครามเย็นจึงสิ้นสุดลงเมื่อสหภาพโซเวียตสลายตัวและมีผลกระทบกับสภาพการเมืองและเศรษฐกิจของโลกในระยะยาว
ตั้งแต่สิ้นสงครามเย็นในปี 1991 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในทั้งสองฝ่าย โดยเศรษฐกิจสหภาพโซเวียตถูกเปิดเผยแก่ตลาดโลก และประเทศต่าง ๆ ในเขตรับผิดชอบของสหภาพโซเวียตมีโอกาสพัฒนาเป็นประเทศอิสระ ฝั่งตะวันตกเริ่มเข้าสู่ยุคของความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี เหตุการณ์นี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเมืองที่สังคมระหว่างประเทศมีส่วนร่วมมากขึ้น
สงครามเย็นแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างอิทธิพลและระบบอุตสาหกรรมของสองพรรค ซึ่งเกิดจากความแตกต่างทางความคิดเห็น ระบบเศรษฐกิจ และระบบการปกครอง ในสมัยนั้น ส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ ต้องเลือกรับฝั่งเหนือหรือใต้ ในทางการทูต การปกครอง และการเป็นพันธมิตร
การพัฒนาเทคโนโลยีทั้งสองฝ่ายในช่วงสงครามเย็นเป็นเรื่องสำคัญอีกด้วย เทคโนโลยีการสื่อสาร การยานยนต์ทางอากาศ และการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาใช้ในการผลิตพลังงานและอาวุธทำให้สองฝ่ายมีความสามารถทางทหารและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น
ในช่วงสงครามเย็น มีการแข่งขันทางการทหารในด้านหลายๆ ด้าน เช่น การแข่งขันในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ การต่อสู้ในการเป็นผู้นำในการส่งคนออกไปในอวกาศ และการแข่งขันในการพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารอื่นๆ ที่สามารถใช้ในการส่งผลกระทบกับฝ่ายตรงข้าม
เรื่องการต่อสู้ทางการเมืองและกิจกรรมของหน่วยเรือนานาชาติเป็นส่วนสำคัญของสงครามเย็นเช่นกัน ฝ่ายตะวันตกและฝ่ายตะวันออกแข่งขันในการรับโอกาสในการส่งเสริมความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากประชาชนของประเทศต่าง ๆ
สุดท้ายสงครามเย็นสิ้นสุดลงเมื่อสหภาพโซเวียตถูกยุบลง และโลกเข้าสู่ยุคหลังสงครามเย็น ในระหว่างยุคนี้ มีการพยายามในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่าง ๆ ในระดับสากล และการพยายามในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากความขัดแย้งในช่วงสงครามเย็นและเพื่อสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีกันในอนาคต