12 เรื่องที่ได้เรียนรู้จากชีวิตการทำงาน 8 ปี
ชีวิตหลังเรียนจบของใครหลายคนก็ดูจะเหมือน ๆ กันคือการหางาน และเริ่มต้นชีวิตการทำงาน ไม่มีปิดเทอมอีกต่อไป หลายคนก็ต้องห่างจากครอบครัวออกมาใช้ชีวิตของตัวเองอย่างจริงจัง วันนี้เราจะมาแชร์สิ่งที่เราได้เรียนรู้จสกชีวิตการทำงานตลอดระยะเวลา 8 ปีของเรากันค่ะ ขอออกตัวไว้ก่อนเลยนะคะว่านี่เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวที่เราตกผลึกจากชีวิตของตัวเองเท่านั้นนะ
1. เกรด สถาบัน มีผลแค่กับการสมัครงานแรก
เพราะการสมัครงานแรกในชีวิตหลังเรียนจบนั้น เราก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน สิ่งที่นายจ้างพอจะพิจารณาได้ก็คงจะมีสถาบันที่จบการศึกษาและผลการเรียนนี่แหละ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นใบเบิกทางให้กับงานแรกในชีวิตของเราได้ แต่เมื่อสมัครงานที่ 2, 3, 4 เขาจะพิจารณาจากประสบการณ์ทำงานมากกว่า เคยทำอะไรมา เคยทำงานที่ไหน และทำอะไรได้บ้าง เกรดกับสถาบันที่จบแทบไม่มีผลอีกต่อไป
2. เก่งในโลกการเรียน ไม่เท่ากับเก่งในโลกการทำงาน
เราเป็นคนหนึ่งที่จบมาด้วยเกียรตินิยม แรก ๆ ที่เริ่มทำงานยังไม่สามารถสลัดตัวตนและอีโก้จากความสำเร็จในอดีตได้ จึงมักมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานอยู่บ่อย ๆ และเมื่อเริ่มปรับตัวและเข้าใจสังคมของการทำงานมากขึ้น เราจึงเปิดใจเรียนรู้และไม่ยึดติดกับความสำเร็จในอดีต สิ่งทำคัญคือทำปัจจุบันให้ดีต่างหากล่ะ
3. ตั้งใจทำงาน ใช่ว่าจะได้เกรด A เหมือนตอนตั้งใจเรียน แต่ตั้งใจเถอะ มันต้องได้อะไรกลับมาบ้างสิ!
ตอนเรียน แค่อ่านหนังสือ ส่งงานอาจารย์ก็พยากรณ์ได้แล้วว่าเกรด A คงอยู่ไม่ไกล แต่พอมาทำงานแล้วมันไม่ใช่น่ะสิ บ่อยครั้งที่เราตั้งใจขนาดไหนก็ไม่ได้เป็นที่พึงพอใจสำหรับเจ้านาย ลูกค้า เพื่อนร่วมงานหรือใครต่อใคร แต่ก็จงตั้งใจเถอะ เพราะอย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้จากมัน ได้พัฒนาฝีมือจากสิ่งที่ทำอยู่
4. เวลางานก็จงเต็มที่
เมื่อถึงเวลาทำงาน หรือได้รับมอบหมายให้ทำอะไร จงใส่เข้าไปให้สุด ทำให้เต็มที่สุดความสามารถของเรา หลายครั้งเราอาจรู้สึกว่าบางคนเช้าชามเย็นชามยังอยู่ได้ แถมเงินเดือนเยอะกว่าอีก แต่จงเตือนตัวเองว่าอย่าหลงเข้าไปในวังวนแบบนั้นเด็ดขาด โฟกัสที่ผลลัพธ์ของงาน ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร ตราบใดที่เป้าหมายเราชัดก็แค่เดินตามแผนของเรา การใช้ชีวิตแบบเช้าชามเย็นชามนั้นแม้จะสบายแต่อีกแง่คือชีวิตแบบหมดอาลัยตายอยากเหมือนกันนะ การเต็มที่กับการทำงานนั้นแน่นอนว่าเราได้มีโอกาสฝึกฝนฝีมือการทำงานของตัวเอง หากอนาคตเราจะไปทำงานที่อื่นสิ่งที่มีติดตัวเราก็คือทักษะที่เราทำ ๆ อยู่นี่แหละ
5. เวลาพักผ่อนก็จงพักเต็มที่เหมือนกัน
ช่วงแรก ๆ ที่เราทำงานคือเราบ้างานมาก ๆ จนแยกแยะเวลาไม่เป็น วันหยุดก็ยังรู้สึกกังวลหรือพยายามทำงานตลอดเวลา มันส่งผลต่อสภาพจิตใจและทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงด้วยนะ
6. สร้างเครือข่าย
Connection is power. เรื่องจริงที่ไม่ถูกใจสายมนุษย์ Introvert เท่าไหร่นัก เราเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบพบปะผู้คนสักเท่าไหร่ แต่ด้วยเนื้องานบังคับ การมีเครือข่ายก็ทำให้การทำงานมันง่ายขึ้นซึ่งเป็นเรื่องจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มนุษย์ Introvert อย่างเราจึงต้องหาทางบาลานซ์การพบปะผู้คน และสงวนเวลาที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเราไปพร้อม ๆ กันให้ได้
7. จงเปลี่ยนงานเมื่อรู้สึกว่าไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่อีกต่อไปแล้ว
เมื่อรู้สึกว่าเส้นทางที่เดินอยู่มันตันแล้ว ไม่มีอะไรใหม่ ๆ ให้เรียนรู้แล้ว ลองมองหางานใหม่ดูไหมล่ะ เพราะการทำงานแบบเดิม ๆ ที่ไม่มีทีท่าว่าจะเติบโตไปไหนได้แล้วก็ทำให้เรารู้สึกเบิร์นเอาท์และเบื่อหน่าย นานวันเข้าก็จะหมดพลังสร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ
8. เงินคือปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต
เรื่องจริงแบบไม่โลกสวย การทำงานจะต้องหางานที่ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความสามารถของเราด้วย อย่าให้ค่านิยมองค์กรบางแห่งที่ว่าต้องเสียสละให้กับองค์กร องค์กรต้องมาก่อนมาทำให้เราลืมชีวิตของตัวเองไป ชีวิตเราต้องใช้เงิน และถ้าไม่มีเงินความรู้สึกเบิร์นเอาท์ ซึมเศร้า ปัญหาครอบครัวและปัญหาอื่น ๆ ตามมาไม่จบไม่สิ้น ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่เลือกได้ก็จงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเอง หรือถ้าเลือกไม่ได้ตอนนี้ก็จงหมั่นฝึกฝนทักษะของตนเองจนอยู่ในสถานการณ์ที่เลือกได้
9. อย่าเครียดกับงานจนลืมคนที่รักเรานะ
พ่อแม่แก่ลงทุกวัน แฟนก็รอคอยที่จะได้ใช้เวลาร่วมกันกับเรา อย่าวุ่นวายกับงาน ทำโอทีดึกดื่นจนลืมพวกเขาไปซะล่ะ เพราะเวลาที่ดีหรือเวลาที่แย่ที่สุด คนเหล่านี้ก็อยู่กับเราเสมอนะ
10. เราคือมนุษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
เราคือมนุษย์คนหนึ่ง อย่าลืมข้อนี้นะ เราเป็นมนุษย์ธรรมดา ๆ เลย ทำไมเราต้องเตือนข้อนี้น่ะเหรอ เพราะบางทีเราสวมหัวโขนนานเกินไป เราทำอาชีพหนึ่งนานวันเข้า เราจะตีตราตัวเองว่าเราเป็นหมอ เราเป็นวิศวกร เราเป็นผู้จัดการบริษัท เราเป็นอาจารย์ ลองถอยออกมามองภาพกว้าง ๆ สิ งานมันก็แค่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรานะ พอเลิกงานเราเป็นมนุษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง เกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้เหมือนคนอื่น ๆ อย่าเผลอยกตัวเองให้อยู่เหนือหรืออยู่สูงกว่าใครเพียงเพราะตัดสินกันจากอาชีพ อย่าหลงคิดไปเองว่าตัวเรานั้นดีกว่าใครเขาจนกลายเป็นดูถูกดูหมิ่นคนอื่น
11. เก็บออม ลงทุน หาความมั่นคงให้กับตัวเอง
หากทำอาชีพที่สองได้โดยไม่กระทบงานหลักก็จงทำ หมั่นเก็บออม ลงทุน หาความมั่นคงให้กับตัวเอง เพราะใช่ว่าเราจะทำงานได้ตลอดชีวิต วันหนึ่งพอเราอายุมากขึ้นก็เจ็บป่วย ต้องเตรียมการไว้ด้วย
12. ไม่เป็นไรเลยถ้าเราไม่ได้มีชีวิตที่ดูพิเศษเหมือนใครเขา
หลายคนอาจจะหาความฝัน เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตไม่เจอ หรือไม่ได้มีชีวิตที่ดูมีสไตล์เหมือนอย่างเพื่อน ๆ วัยเดียวกัน จะบอกว่ามันไม่เป็นไรเลยนะ ไม่เป็นไรเลยจริง ๆ ถ้าเรายังโอเคและมีความสุขกับการตื่นไปทำงาน เลิกงานกลับบ้าน กินข้าว ก็จงทำต่อไปเถอะ เราก็แค่คนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง และเชื่อสิว่ามีอีกหลายคนที่ก็มีความสุขกับชีวิตแบบนี้เหมือนกัน ตราบใดที่มันไม่ได้เดือดร้อนใคร
และนี่คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากชีวิตการทำงาน 8 ปีของเราค่ะ จริง ๆ มีอีกเยอะนะ แต่แค่นี้ก็ยาวมากแล้ว ใครอ่านมาถึงตรงนี้ก็ลองแชร์ของตัวเองให้ได้อ่านกันบ้างนะ