แหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สุด ที่ไม่มีสายพันธุ์ปลาอาศัยอยู่เลย
Dead Sea (ทะเลเดดซี หรือ ทะเลมรณะ)
เป็นแหล่งน้ำที่น่าทึ่ง เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่เป็นชายแดน
ของประเทศจอร์แดนทางตะวันออก และเวสต์แบงก์กับอิสราเอลทางตะวันตก
ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำที่มีรสเค็มที่สุดในโลก
ซึ่งทำให้ไม่เอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลเกือบทุกรูปแบบ รวมถึงปลาด้วย
มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดความเค็มจัดของทะเลเดดซี ประการแรก
คือการไม่มีทางออก น้ำไหลลงสู่ทะเลเดดซีจากแม่น้ำและลำธารต่าง ๆ
แต่ไม่มีจุดระบายน้ำตามธรรมชาติ เป็นผลให้น้ำระเหยออกไป
เหลือเกลือและแร่ธาตุ ส่งผลให้ความเค็มเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ประการที่สอง ภูมิภาคนี้ประสบกับอุณหภูมิสูง ซึ่งทำให้อัตราการระเหยเร็วขึ้น
ส่งผลให้แร่ธาตุและเกลือในน้ำมีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ
สภาพแวดล้อมที่มีความเค็มมากเกินไปนี้ได้สร้างระบบนิเวศที่มีเอกลักษณ์
น้ำมีความเค็มมากจนไม่สามารถรองรับสิ่งมีชีวิตทั่วไปที่พบในแหล่งน้ำอื่น ๆ
ส่วนใหญ่ได้ ตัวอย่างเช่น ปลาไม่สามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อม
ที่รุนแรงเช่นนี้ เนื่องจากเซลล์ของพวกมันไม่สามารถควบคุมปริมาณน้ำ
จากระดับความเค็มที่สูงเช่นนั้นได้ ด้วยพื้นที่ผิวน้ำประมาณ 605 ตารางกิโลเมตร
หรือราว ๆ 234 ตารางไมล์ ทะเลเดดซีถือเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ
ขนาดใหญ่ที่สุด ที่ไม่มีปลาหรือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อาศัยอยู่เลย
แม้ว่าจะไม่มีปลา แต่ทะเลเดดซีก็ยังมีแร่ธาตุมากมาย เช่น แมกนีเซียม
โพแทสเซียม และแคลเซียม และอื่นๆ อีกมากมาย แร่ธาตุเหล่านี้
ได้รับความสนใจจากคุณสมบัติในการรักษาโรค โดยหลายคนเชื่อกันว่า
โคลนและน้ำจากทะเลเดดซี มีคุณสมบัติในการรักษาโรคผิวหนังต่าง ๆ
ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งรีสอร์ทเพื่อสุขภาพและสปาหลายแห่งตามแนวชายฝั่ง
ในปี ค.ศ. 2019 พื้นผิวทะเลสาบอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 430.5 เมตร
(1,412 ฟุต) ถือเป็นชายฝั่งที่ต่ำที่สุดในโลก ด้วยความลึก 304 เมตร (997 ฟุต)
ทำให้เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ลึกที่สุดในโลก และด้วยความเค็มของน้ำ
อยู่ที่ 342 กรัม/กิโลกรัม หรือ 34.2% (ใน ค.ศ. 2011) ทำให้เป็นหนึ่ง
ในแหล่งน้ำที่เค็มที่สุดในโลก และมีความหนาแน่นที่ 1.24 กิโลกรัม/ลิตร
ซึ่งทำให้นักว่ายน้ำลอยตัวขึ้น ความเค็มนี้ทำให้เกิดสภาพแวดล้อม
ที่ไม่เป้นมิตรต่อพืชและสัตว์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อว่าทะเลมรณะ