รีวิวหนัง DUNE PART TWO (ดูน ภาคสอง)
มหากาพย์ครั้งยิ่งใหญ่ได้รับการสานต่อแล้ว หลังจากรอคอยมานาน 3 ปี ก็ได้สิ้นสุดการรอคอย เรื่องราวที่ถูกดัดแปลงจากนวนิยายชื่อดังของ Frank Herbert ที่เดิมทีเคยทำเป็นหนังเมื่อปี 1984 แต่ไม่ปัง ครั้งนี้ได้ผู้กำกับอย่าง Denis Villeneuve มาดูแลโปรเจกต์นี้โดยแบ่งออกเป็นสองภาค ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทั้งรายได้และคำวิจารณ์
เรื่องราวของ Paul Atreides บุตรชายของ Leto Atreides ต้องหนีตายพร้อมกับแม่ของตนนามว่า Jessica Atreides เนื่องจากนครของตนถูกไส้ศึกซึ่งเป็นคนสนิทของ Leto ลวงเข้าบุกยึดในยามวิกาล นั่นทำให้ Baron Vladimir Harkonnen บุกยึดเมืองสำเร็จและสังหาร Leto อย่างเลือดเย็น
Paul และแม่ต้องขอที่ซุกหัวนอนในนครทะเลทราย ทว่า Stilgar เจ้าถิ่นชาวทะเลทราย มีข้อแม้ว่าต้องประลองต่อสู้ดวลมีดกับคนของตนให้ชนะ โดยหวังผลเอาถึงชีวิต ถึงจะมีสิทธิ์เข้ามาอยู่ร่วมกันได้
Paul ชนะ และได้ที่อยู่ใหม่พร้อมกับค่อยขบคิดถึงเรื่องการแก้แค้นให้บิดาของตน
เรื่องย่อ
เหตุการณ์ต่อจากภาคแรก หลังจากที่ Paul หนีตายมาได้สำเร็จ Paul และแม่ต้องโน้มน้าวให้พวก Framen ชาวทะเลทรายเชื่อว่า Paul คือผู้นำปลดปล่อย เรียกว่า ลีซาน อัล ไกอีบ (Lisan Al-Gaib) ช่วยปัดทุกข์ให้พ้นจากความแห้งแล้งสู่สวรรค์สีเขียวที่อุดมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ มีน้ำให้ใช้อย่างล้นเหลือ
เมื่อ Paul ระดมคนให้เชื่อมากพอทั้งฝั่งเหนือและฝั่งใต้แห่งทะเลทราย Arrakis ก็สามารถยกพลต่อกรกับตระกูล Harkonnen ล้างแค้นให้ผู้เป็นพ่อของ Paul
นอกจากนี้จักรพรรดิผู้ทรงอำนาจสูงสุดคือ จักรพรรดิฮาดีชา (Padishah Emperor Shaddam 4) อยู่เบื้องหลังการตายบิดาของ Paul เข้ายึด Atreides อีกด้วย
นักแสดงนำ
- Timothée Chalamet รับบทเป็น Paul Atreides
- Zendaya รับบทเป็น Chani
- Rebecca Ferguson รับบทเป็น Jessica
- Javier Bardem รับบทเป็น Stilgar
- Josh Brolin รับบทเป็น Gurney Halleck
- Austin Butler รับบทเป็น Feyd-Rautha
- Dave Bautista รับบทเป็น Beast Rabban
- Stellan Skarsgård รับบทเป็น Baron Harkonnen
- Christopher Walken รับบทเป็น Emperor
- Florence Pugh รับบทเป็น Princess Irulan
- Léa Seydoux รับบทเป็น Lady Margot Fenring
- Charlotte Rampling รับบทเป็น Reverend Mother Mohiam
ความยาว 166 นาที
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.หนังให้ความยิ่งใหญ่อลังการสมกับที่ตัวอย่างได้โปรยไว้ แม้จะไม่มันสาแก่ใจเหมือนหนังเรื่องอื่น แต่ Action ไม่ใช่จุดขายของหนังเรื่องนี้ จุดขายคือความเป็นศิลปะและความรู้สึกของตัวละครที่ลึกซึ้งทั้งเรื่องของความรัก ความแค้น ความกลัวสูญเสียอำนาจ ความละโมบเห็นแก่ได้ไม่มีที่สิ้นสุด
2.หนังเน้นความสัมพันธ์ระหว่าง Paul กับ Chani มากขึ้น เป็นความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งและรักกันอย่างดูดดื่ม เป็นการปรับตัวของ Paul ให้ตนเข้ากับวิถีแห่งชาว Framen แดนทะเลทราย Arrakis ที่รักน้ำและใช้น้ำอย่างระมัดระวังเสมอมา
3.Plot เรื่องดำเนินไปอย่างเนิ่นช้า เพื่อให้คนดูสัมผัสความรู้สึกของตัวละครให้ชัดเจนมากขึ้น เช่น การมีพลังหยั่งรู้ Kwisatz Haderach ทำให้ Paul เห็นภาพนิมิตผู้คนล้มตายจากสงครามมหาศาล ทำให้ Paul ไม่เดินทางต่อไปยังทิศใต้จนกระทั่งมีเหตุบีบบังคับให้ Paul ยอมประกาศทำสงคราม หนังก็ดำเนินไปครึ่งเรื่องพอดี แต่ทุกฉากที่เนิ่นช้ามีเหตุผลที่มาที่ไปชัดเจน ช่วยให้คนดูเข้าใจการกระทำของตัวละครมากขึ้น
4.การปรากฏตัวของหนอนยักษ์ทะเลทราย Shai-Hulud พิสูจน์ Visual Effects ว่าทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะในฉากสงครามก็มีการตัดต่อภาพออกมาได้ดีเช่นกัน
5.การแสดงของ Austin Butler ที่รับบทเป็น Feyd Rautha เขาสามารถชิงความโดดเด่นได้ แม้จะปรากฏตัวไม่มากนัก บุคลิกแบบคนโรคจิตใช้ความรุนแรงอย่างรวดเร็ว ดูเป็นคนอันตราย ขณะเดียวกันหนังก็แสดงจุดอ่อนของเขาให้เห็นว่าเขาก็มีปัญหาของตัวเองเหมือนกัน ขณะที่ Zendaya ที่รับบทเป็น Chani ก็เฉิดฉายในแววตาอย่างเด่นชัด ความเกรี้ยวกราดที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริงเธอเองก็ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก ส่วนตัวละครสมทบอื่นๆก็แสดงได้อย่างทรงพลังไม่แพ้กัน
6.จุดอ่อนของเรื่องนี้คือยังสื่อสารให้คนดูไม่แตกฉานถึงตัวละครว่าใครเป็นพวกไหน เช่น ตระกูล Corrino คือตระกูลจักรพรรดิที่ทรงอำนาจ ปกครองโดยจักรพรรดิฮาดีชา ส่วน Sakdaukar คือกองพันทหารของจักรพรรดิฮาดีชา แล้ว The Green House คือใคร มาเกี่ยวข้องกับอะไรในเรื่องนี้ ? เป็นต้น
การที่คนดูต้องมาหาอ่านก่อนเข้าไปดูหนัง หรือดูแล้วไม่เข้าใจต้องมาศึกษาหาอ่านเองหลังจากดูจบ ก็เท่ากับว่าหนังล้มเหลวในการสื่อสารกับคนดู ซึ่งก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่ภาคแรกแล้ว
นอกจากนี้น้องสาวของ Paul ในครรภ์มารดาก็มาให้เห็นตอนเติบโตเป็นผู้ใหญ่จากภาพนิมิต โดยหนังไม่ได้บอกว่าเธอเป็นใคร แต่คนดูอนุมานเองได้..ถ้ารู้ว่าเธอคือนักแสดงที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง แต่คนดูที่ไม่รู้จักเธอก็จะงงได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้คือใครกันแน่ แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่พอข้ามไปได้ ยังคงบันเทิงกับหนังได้อยู่ แต่ครีเอเตอร์มองว่าเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร เพราะมันต้องชัดเจนกว่านี้
7.ใครที่ติดตามผลงานการกำกับของ Denis Villeneuve จะรู้ว่าเขาใส่ใจงานภาพและเสียงมากขนาดไหน โดยเฉพาะตอนที่หนังออกฉาย ยอดขายตั๋วหนังโรง IMAX สูงมากเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้อรรถรสเสียงที่ทรงพลังอย่างแท้จริง
อำนาจคือหลักประกันเพื่อไม่ให้ใครมารังแกข่มเหงได้ นี่คือสัจธรรมของหนังเรื่องนี้ และอำนาจไม่เที่ยง มีเสื่อม มีสูญได้ ดังนั้นจึงต้องขยายอำนาจมากขึ้น เพื่อรักษาอำนาจที่ตนมีไว้ แม้เดิมจะเป็นคนที่ไม่คิดมักใหญ่ใฝ่สูงก็ตาม แต่ด้วยความจำเป็นที่ถูกข่มเหง ดังนั้น อำนาจจึงเป็นสิ่งจำเป็น แม้จะทำให้คนใกล้ชิดต้องเจ็บช้ำน้ำใจไปบ้างก็ตาม
ความสนุกของหนังบอกได้เลยว่าน่าติดตาม หนังยังคงมีประเด็นตามต่ออย่างที่เห็น โดยนวนิยายมีถึง 6 เล่มจบ นี่เป็นการจบของหนังแค่เล่มแรกเท่านั้น