รีวิวหนังดัง THE PREDATOR เดอะเพรดเดเตอร์
การกลับมาของ PREDATOR อสุรกายที่น่าเกรงขามและมีอาวุธติดตัวเป็น Gadget ที่หลากหลาย ในครั้งนี้จะกลับมาพร้อมกับความดุดันและความเฮฮาของทหารรับจ้างสติแตกที่พร้อมสู้และหนีในคราวเดียวกัน
ผลงานการกำกับของ Shane Black ที่เคยฝากผลงานใน IRONMAN 3 (2013) มาแล้ว เรียกได้ว่าเป็นภาคต่อของ PREDATOR ก็คงจะได้ หลายอย่างมีกลิ่นอายของ PREDATOR ภาคเก่าเจืออยู่
เรื่องย่อ
Quinn McKenna ทหารที่ได้รับมอบหมายภารกิจแกะรอยข้าศึกในป่าดันไปพบกับ PREDATOR ที่ยานตกเสียหายเข้า Quinn รอดตายมาได้ และขโมยอุปกรณ์บางอย่างจากมันในการเอาตัวรอดอีกด้วย
เขาถูกจับกุมระหว่างหลบหนีไปรวมกับนักโทษทหารด้วยกัน และพบว่าพวกเขาล้วนเป็นทหารรับจ้างสติแตก ไม่ว่าจะเป็น Coyle, Nebraska Williams, Baxley และ Nettles จังหวะนั้นเองที่พวกเขาทั้งหมดได้เจอ PREDATOR เป็นครั้งแรกและยังมี Casey Brackett นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการวิจัยสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวตัวนี้ร่วมตกกระไดพลอยโจนไปด้วย
ขณะเดียวกัน Traeger นักล่า PREDATOR พร้อมทีมงานก็ทุ่มสรรพกำลังอย่างสุดความสามารถในการตามหา PREDATOR ให้ได้มาครอบครอง
นักแสดงนำ
- Boyd Holbrook รับบทเป็น Quinn McKenna
- Olivia Munn รับบทเป็น Casey Brackett
- Sterling K. Brown รับบทเป็น Traeger
- Trevante Rhodes รับบทเป็น Nebraska Williams
- Keegan-Michael Key รับบทเป็น Coyle
- Thomas Jane รับบทเป็น Baxley
- Augusto Aguilera รับบทเป็น Nettles
- Alfie Allen รับบทเป็น Lynch
- Jacob Tremblay รับบทเป็น Rory McKenna
- Yvonne Strahovski รับบทเป็น Emily
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.หนังสามารถดำเนินเรื่องได้อย่างลื่นไหล แม้ plot เรื่องจะไม่ค่อยมีอะไรมากนัก มีการชูประเด็นให้คอยติดตามอยู่เป็นระยะๆ พร้อมกับฉาก Action แก้เบื่อประปรายระหว่างดำเนินเรื่อง
2.ความบันเทิงของเรื่องคือความเฮฮาชวนเบาสมองของสมาชิกในทีม แม้สถานการณ์จะตึงเครียดมากแค่ไหนก็ยังสามารถล้อเลียนหรือท้าทาย PREDATOR ได้โดยมีความรู้สึกกล้าๆกลัวๆอยู่ในที ถือเป็นความแตกต่างจากภาคอื่นๆที่ไม่เคยมีมาก่อน
3.การแสดงที่น่าสนใจส่วนตัวครีเอเตอร์ยกให้กับ Keegan Michael Key ที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกเบาสมองได้ดีกว่าใคร อีกคนหนึ่งที่น่าสนใจคือ Sterling K. Brown นักล่าแกะรอยตามหา PREDATOR ที่ทุ่มสุดตัวในการทำงาน แม้จะไม่ได้มีบทบาทอะไรมากนักแต่ก็ถือว่ามาดของเขามันได้จริงๆ
4.PREDATOR ไม่ได้ล่าแค่มนุษย์ แต่มันยังล่ากันเองจากปัญหาปมขัดแย้งในกลุ่มด้วย นี่ถือเป็นประเด็นที่แปลกใหม่ที่ไม่มีเคยมีมาก่อนเช่นกัน แต่หนังก็ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักในเรื่องที่มาที่ไปของ PREDATOR ทำให้หนังขาดมิติในเรื่องราว เป็นได้แค่การผจญภัยที่ค่อนข้างราบเรียบโดยปริยาย
5.ฉาก Action ถือว่าน้อย แล้วก็ไม่ค่อยมีอะไรให้น่าจดจำ แม้จะยังคง concept โหดเลือดท่วม แต่ก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มความมันเท่าไหร่นัก ตลอดความยาวของหนังเกือบสองชั่วโมงถือว่าดูเพลินพอผ่านๆ อย่าไปจริงจังมาก อาจช่วยให้เข้าใจบริบทของหนังมากขึ้นได้