ตำนานหนึ่ง ของกรุงศรีสัตตนาคนหุต ขุนทึง ขุนเทือง / ຂຸນທຶງ ຂຸນເທືອງ / ນິທານລາວຂຸນທຶງຂຸນເທືອງ
ยังมีนครแห่งหนึ่งชื่อ เชียงเงื้อม หรือ เชียงใหญ่ มีกษัตริย์ปกครองนามว่า ขุนเทือง และมีมเหสีชื่อ นางบุสดี ได้ปกครองบ้านเมืองมีความร่มเย็น ไพร่ฟ้าประชาชี ล้วนอยู่อย่างเป็นสุข เมื่อกาลต่อมา ขุนเทือง มีความปรารถนา จะออกเดินทางท่องเที่ยวป่า จึงได้ออกเดินทางจากบ้านเมือง ไปในป่าใหญ่ประมาณ 2 เดือน จนไปถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสวนของพญานาค ที่สวยงดงามดังคำกลอนที่ว่า
เป็นที่อัศจรรย์แท้ อุทิยานสวนดอก
หอมฮ่วงเฮ้า ใผเข้าบ่อยากหนี ได้แล้ว
ฮสทะฮ่วงเฮ้า เท้าทั่วอุทิยาน
บาคราญพระ ล่ำดูใจสะอื้น
อันนี้เมืองใดสร้าง อุทิยานสวนดอก ไว้นี้
อยู่ขอกน้ำ ชัยกว้างแม่ชะเล นี้เด
มีดอกไม้ หลายส่ำนานา
มาลาหลาย จ่อจีเจือก้าน
บางพ่องบานเหลือต้น จูมจีหอมอ่อน
ทองเทศอ้วน เขียวอ้วนอ่อนหอม "
แล้วขุนเทือง ก็ได้พบกับลูกสาวพญานาค ชื่อว่า นางแอกใค้ ซึ่งขณะนั้น นางได้จำแลงกายมาเป็นหญิงสาวงาม ดังบทกวีบรรยายว่า
ตาคมค้อม คอคางคิ้วก่อง
งามล้องค้อง สองแก้มดั่งคำ
ย่องย่องเนื้อ ขาวเกิ่งฟองสมุทร
สอยวอยสุด ยอดญิงตรองไว้
แสนแวนหน้า งามดีเสมอแว่น
แขนก่องส้วย ขาวแจ้งแจ่มพระจันทร์
งามอ้อนแอ้น แมนหล่อเหล่าโฉม
ตระโนมพรรณ ฮูปคำซาวเบ้า
ทั้งสองเกิดความรักใคร่กัน ขุนเทือง จึงได้ติดตามนาง ลงไปยังเมืองบาดาล และอยู่ที่นั่นยาวนานถึง 2 ปีกว่า จนกระทั่งคราวหนึ่ง นางนาคลืมตัว ไปเล่นน้ำ จนต้องถูกเตือน เพราะโลกเกิดความแห้งแล้ง มนุษย์และสัตว์ ประสบความเดือดร้อน เมื่อขุนเทืองเห็น "นาค" เล่นน้ำในช่วงสงกรานต์ จึงตระหนักว่า ตนเป็นคน ไม่น่าจะอยู่กับนาค ประกอบกับในขณะที่ขุนเทือง ไม่อยู่ในบ้านเมืองนี้ นางบุสดี เป็นห่วงจึงได้เรียกหาหมอมอ (โหร) มาทำนายทายทักดูว่า ขุนเทืองไปอยู่ที่ใด เมื่อได้รู้ว่า ขุนเทืองอยู่ที่เมืองพญานาค กับลูกสาวพญานาค นางบุสดี จึงทำการบนบานให้พวกผีต่างๆ เช่น ผีน้ำ ผีเสื้อ ผีตายาย (บรรพบุรุษ) ผีเมือง เป็นต้น ตามไปบอกท้าวขุนเทือง กลับมาบ้านเมืองของตน ขุนเทือง จึงได้ลานางแอกใค้และพญานาค เจ้าเมืองบาดาล เพื่อจะกลับเมืองมนุษย์
นางแอกใค้ ได้มาส่งขุนเทืองถึงท่าน้ำ ก่อนจะลาจากกัน นางได้ล้วงเอาลูกในท้องออก แล้วเอาใบตองทึงห่อ ให้ขุนเทืองตอนกลับเมือง เพื่อเอาไปเลี้ยงดู เมื่อมาถึงเมืองแล้ว นางบุสดีไม่พอใจ จึงพยายามหาเรื่อง เพื่อทำอันตรายต่างๆ นานา ขุนเทือง เห็นท่าไม่ดี จึงให้เสนาอำมาตย์ เอาลูกชายชื่อ "ขุนทึง" ไปปล่อยไว้ในป่า ขุนทึง อยู่ในป่าอย่างสุขสบาย เพราะมีเทวดาและเหล่าสัตว์ต่างๆ มาดูแลรักษาเลี้ยงดู ต่อมาประมาณ 1 ปี ขุนเทือง คิดถึง "ขุนทึง" ผู้เป็นลูกชาย จึงให้พวกอำมาตย์ออกไปสืบหาว่า ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เมื่อทราบว่า ยังมีชีวิตอยู่ จึงไปเชิญกลับเข้ามาอยู่ในเมือง
ขุนทึง เมื่อโตเป็นหนุ่มขึ้น ต้องการอยากจะพบแม่ที่แท้จริง จึงไปถามพ่อ ถึงที่อยู่ของแม่ พอทราบว่าแม่นั้นเป็น "นาค" อยู่ที่เมืองบาดาล จึงอำลาพ่อเพื่อที่จะไปเยี่ยมเยียนถามข่าวคราวแม่ แล้วออกเดินทางไปตามที่พ่อบอก จนถึงท่าน้ำ แล้วเอาไม้ตีน้ำ เรียกพวกนาคให้มาหา พวกนาคถามดูรู้ว่า "เป็นลูกของนางแอกใค้" จึงพาขุนทึงไปเมืองบาดาล ขุนทึงได้พบแม่ ตา และยาย แล้วอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานพอสมควร จึงได้ลาแม่ เพื่อกลับเมืองเชียงเงื้อมของพ่อ นางแอกใค้ แนะนำให้ลาตาแล้วขอของวิเศษ เพื่อเป็นเครื่องติดตัวในการเดินทาง
เมื่อขุนทึงไปลาตา ได้ให้ของที่วิเศษ 3 อย่าง มี หม้อทองแดง ดาบ และของ้าว และได้มาถามวิธีใช้กับแม่ นางแอกใค้ จึงบอกวิธีใช้ว่า
หม้อนั้น มีของทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใน ถ้าต้องการอยากได้อะไร ให้ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วเคาะเบาๆ ของที่ต้องการนั้นจะออกมา
ดาบนั้นใช้ในการต่อสู้กับข้าศึกศัตรู
ส่วนของ้าวนั้น ให้ลากไป อย่าแบกหรือถือไป ขณะที่ลากนั้น ถ้าไม่เกี่ยวอะไร ก็ให้เดินทางไปเรื่อยๆ ห้ามนอน แม้จะกี่วันก็ตาม แต่ถ้าง้าวไปเกี่ยวกับอะไรแล้ว จึงหยุดนอน
ขุนทึง เมื่อแม่มาส่งถึงท่าน้ำ แล้วก็เดินทางต่อไป โดยปฏิบัติตามคำบอกของแม่ ใช้เวลาเดินอยู่หลายวัน จึงถึงแม่น้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ของ้าวได้เกี่ยวหยุดอยู่กับที่ จะดึงอย่างไรก็ไม่ไป จึงหยุดนอน ณ ที่นั้น พอเมื่อตื่นขึ้น ที่นั้นกลายเป็นเมืองใหญ่ ชื่อว่า "ศรีสัตนาคนหุต" (อ่านว่า สี-สัด-ตะ-นา-คะ-นะ-หุด) "เป็นชื่ออาณาจักรล้านช้าง (ลาว: ອານາຈັກລ້ານຊ້າງ) เป็นอาณาจักรของชนชาติลาว ซึ่งตั้งอยู่ในแถบลุ่มแม่น้ำโขง มีอาณาเขตอยู่ในบริเวณประเทศลาวทั้งหมด ตลอดจนพื้นที่บางส่วน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย โดยมีความเจริญรุ่งเรือง ทั้งการเมืองการปกครอง ด้านศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนพระพุทธศาสนา ที่มีพัฒนาการเคียงคู่ มาพร้อมกันอาณาจักรอื่นๆ ใกล้เคียง ทั้งล้านนา สยาม พม่า และเขมร" ดังนั้น ขุนทึง จึงตั้งจิตอธิษฐานเคาะหม้อทองแดง เพราะอยากได้เพื่อนมาอยู่ด้วย แล้วก็มีหญิงสาวออกมา 2 คน ชื่อ "ทำ" และ "ทอง" จึงอภิเษกเป็นมเหสีทั้งสองคน แล้วขุนทึง ก็ครองกรุงศรีสัตนาคนหุตต่อมา อย่างมีความสุข
ต่อมา ครั้งหนึ่ง ขุนทึงออกไปเที่ยวป่าคนเดียว เดินทางไปประมาณ 15 วัน ถึงป่าหิมพานต์ ได้พบ "นางชะนี" ที่อยู่ใกล้กับอาศรมพระฤาษี นางชะนีได้แปลงกายเป็นคน แล้วใส่ยาเสน่ห์ในผลไม้ ที่นำมามอบให้ เพื่อให้ขุนทึงรัก ขุนทึงได้หลงเสน่ห์ของนางชะนี แล้วได้อยู่กับนางชะนีที่ถ้ำ ในป่าหิมพานต์นั้น ประมาณ 3 ปี ได้ลูกชายคนหนึ่งชื่อ อำคา หรือ อู่แก้ว ต่อมาขุนทึง ได้ลานางชะนี กลับมาเมืองศรีสัตตนาคนหุต พร้อมกับท้าวอำคา ลูกชาย และได้ให้สัญญากับนางชะนีว่า จะมารับไปอยู่ในเมือง นางทำและนางทองต่างก็ดีใจ และรัก "ท้าวอำคา" เหมือนลูกตนเอง
เมื่อขุนทึงกลับถึงเมืองเรียบร้อยแล้ว จึงแต่งขบวน แห่มาเอานางชะนี ไปอยู่ในเมืองตามสัญญา และสั่งชาวเมืองทุกคน ให้ผูกสุนัขไว้ให้ดี อย่าให้เพ่นพ่าน แต่พอขบวนเข้าไปถึงเมือง นางทำ นางทอง มเหสีสองพี่น้อง ได้ปล่อยหมาให้ไล่กัดนางชะนี แปลงเป็นคนมานั้น นางชะนีได้วิ่งหนีออกจากเมือง กลับไปอยู่ป่าหิมพานต์ตามเดิม
อยู่มาไม่นาน ขุนทึงเกิดเจ็บป่วยไม่สบาย จึงให้ท้าวอำคา ไปขอยาวิเศษจากต้นมณีโคตร กับนางชะนีผู้เป็นแม่ มาให้กิน และบอกให้เอามามากๆ เพื่อที่จะได้แจกจ่ายชาวเมืองด้วย แต่นางชะนีให้ยามาเพียงนิดหนึ่ง เพราะนางโกรธที่นางทำ นางทอง ปล่อยหมาไล่นางออกจากเมือง แทบเอาชีวิตไม่รอด ขุนทึงได้กินยาแล้วก็หายเป็นปกติ
ต่อมา ขุนทึง ได้ทำพิธีอภิเษกให้ท้าวอำคา ขึ้นครองราชย์แทนตน และอยู่มาอีกนาน ขุนทึงไม่สบายอีกหน จึงให้ท้าวอำคา ไปขอยากับนางชะนีมากินอีก แต่ท้าวอำคาไปในครั้งนี้ ไม่พบนางชะนีอีก เพราะนางชะนีได้ตายไปแล้ว จึงกลับมามือเปล่า ขุนทึงเมื่อไม่ได้ยากิน ก็ตายไปอีกคน ส่วนท้าวอำคานั้น ได้ครองเมืองเป็นสุขต่อมา
อ้างอิงจาก: https://youtu.be/_ceh9iyKpBs?si=QInXOyGdy-oKuNsb
แหล่งที่มาของข้อมูล