13 คำถามที่ควรรู้ก่อน!! ดื่มน้ำผักผลไม้
13 คำถามที่ควรรู้ก่อน!! ดื่มน้ำผักผลไม้
Q1
ถาม : ดื่มแต่น้ำผักผลไม้โดยไม่กินอาหารทั้งสามมื้อได้หรือไม่
ตอบ : ไม่แนะนำให้ผู้อ่านกินน้ำผักผลไม้แทนอาหารหลัก ปริมาณน้ำผักผลไม้ที่เหมาะสมคือ เด็กๆ ดื่มวันละ 2-3 แก้ว (สุดแล้วแต่การยอมรับของเด็ก เพิ่มองุ่นหรือผลไม้ชนิดอื่นที่มีรสเปรี้ยวอมหวานได้) ผู้ใหญ่ควรดื่มวันละ 4-6 แก้ว แต่เพื่อเสริมสารอาหารให้ครบถ้วนและได้รับอินทรียสารจากพืชที่หลากหลายในการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและช่วยเรื่องการเจริญเติบโต จึงขอแนะนำว่า อาหารหลักนอกจากกินผักผลไม้หลากหลายชนิดแล้ว ยังควรเลือกกินถั่วที่เพิ่งงอกด้วย
Q2
ถาม : ควรดื่มน้ำผักผลไม้บางตำรับเป็นประจำหรือว่าควรดื่มทุกตำรับ
ตอบ : แนะนำให้เลือกตำรับน้ำผักผลไม้ที่เกี่ยวข้องกับตนเองมาดื่มก่อน วิธีที่ดีที่สุดคือดื่มน้ำผักผลไม้ตำรับเดียวติดต่อกัน 1-2 สัปดาห์หลังจากนั้นค่อยเปลี่ยนเป็นน้ำผักผลไม้ตำรับอื่นที่เกี่ยวข้องแทน เพื่อจะได้รับอินทรียสารจากพืชให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
อาทิ ถ้าต้องการบำรุงเต้านมเป็นพิเศษ ก็ควรเลือกดื่มน้ำผักผลไม้ตำรับบำรุงเต้านมเป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นตำรับน้ำผักผลไม้บำรุงรังไข่อีก 2 สัปดาห์ ต่อมาเปลี่ยนเป็นตำรับน้ำผักผลไม้บำรุงมดลูก เหตุผลที่แนะนำเช่นนี้ก็เพราะการที่รังไข่ไม่แข็งแรงหรือมดลูกอ่อนแอล้วนมีผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของเต้านม
Q3
ถาม : ต้องดื่มน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพนานเท่าใดจึงจะเห็นผล
ตอบ : โดยทั่วไปวงจรอาหารบำบัดเฉลี่ยแล้วราวสี่เดือนจะเห็นผล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและการปฏิบัติตน บางคนเห็นผลซัดเจนในเดือน แต่บางคนเนื่องจากสภาพร่างกายไม่ดีจึงต้องใช้เวลา 6-8 เดือน
Q4
ถาม : หากไม่สามารถดื่มน้ำผักผลไม้ก่อนอาหารกลางวันและเย็นหนึ่งชั่วโมง จะเปลี่ยนไปดื่มเวลาอื่นได้หรือไม่
ตอบ : ดื่มน้ำผักผลไม้เวลาใดก็ได้ ตอนท้องว่าง เพราะการดื่มขณะท้องว่างร่างกายจะดูดซึมอินทรียสารจากพืชได้ทันที นี่คือเหตุผลที่ต้องดื่มน้ำผักผลไม้ก่อนมื้อเที่ยงและมื้อเย็นหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นหากดื่มน้ำผักผลไม้ตอนท้องว่างน้ำผักผลไม้แล้วยังรู้สึกหิวอยู่ ก็เลือกกิน อาหารหรือของว่างที่เหมาะกับตนเองได้
Q5
ถาม : การปั่นน้ำผักผลไม้เติมน้ำแข็งได้หรือไม่
ตอบ : ถ้าดื่มเพื่อสุขภาพประจำวันจะเติมน้ำแข็งบ้างก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเพื่อการบำบัดโรค ไม่แนะนำให้ใสน้ำแข็งเพราะเมื่อน้ำผักผลไม้เย็นๆ เข้าสู่กระเพาะอาหารแล้ว ร่างกายต้องอาศัยพลังงานมาทำให้น้ำผักผลไม้ในกระเพาะอาหารอุ่นขึ้นเสียก่อน จึงจะดูดซึมได้
การใช้เครื่องปั่นผักผลไม้ 3.5 แรงม้าจะได้น้ำผักผลไม้อุ่นๆ ที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมทันที แม้จะเป็นผักผลไม้ที่นำออกมาจากตู้เย็น เมื่อผ่านการปั่นแล้วยังคงอุ่นอร่อยไม่ต้องกังวลปัญหานี้
Qุ6
ถาม : ถ้าเก็บส่วนผสมสำหรับปั่นน้ำผักผลไม้ไว้ในช่องแช่เย็นจะนำมาใช้ปั่นน้ำผักผลไม้ได้หรือไม่
ตอบ : เก็บในช่องแช่เย็นได้ แต่ไม่แนะนำให้เก็บในช่องแช่แข็งมิให้อุณหภูมิต่ำเกินไปจนทำลายเอนไซม์และวิตามิน ส่วนผสมที่นำออกจากช่องแช่เย็น เมื่อล้างอีกครั้งให้สะอาดก็ใช้ปั่นน้ำผักผลไม้ได้
Qุ7
ถาม : เคยได้ยินมาว่า การดื่มน้ำผักผลไม้ระยะยาวจะทำให้โซเดียมในร่างกายสูงเกินไปและไตต้องทำงานหนักจริงหรือไม่
ตอบ : ตำรับน้ำผักผลไม้ในหนังสือล้วนผลิตจากผักผลไม้สดตามธรรมชาติ จะไม่ทำให้มีโซเดียมสะสมในปริมาณสูงแต่เนื่องจากน้ำผักผลไม้มีแคลเชียมสูง จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไต ถ้าผู้ป่วยโรคไตต้องการดื่มน้ำผักผลไม้ที่เหมาะกับตนเอง ขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์แนวธรรมชาติบำบัดและนักโภชนากรผู้เชี่ยวชาญ
น้ำผักผลไม้กระป๋องซึ่งผ่านการแปรรูปที่จำหน่ายทั่วไปต่างหากที่กลับจะทำให้ได้โซเดียมในปริมาณสูงง่าย ๆ ก่อนดื่มควรดูส่วนประกอบบนฉลากอย่างละเอียด จึงจะไม่ไปดื่มเอาสิ่งที่ไม่มีสารอาหาร ซ้ำร้ายกลับไปเพิ่มภาระแก่ร่างกายเสียอีก
Qุ8
ถาม : การดื่มน้ำผักผลไม้ทุกวันจะทำให้สภาพร่างกายเปลี่ยนเป็นธาตุเย็นหรือชื้นใช่หรือไม่
ตอบ : ไม่เป็น เนื่องจากตำรับน้ำผักผลไม้ทุกสูตร ล้วนผสมเครื่องเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อรักษาสมดุลของธาตุเย็นและร้อนแล้ว
- ถ้าร่างกายมีสภาพเป็นธาตุเย็นหรือมือเท้าเย็น: ควรเติมขิงและเม็ดพริกไทยดำเพิ่มเล็กน้อยแล้วปั่นพร้อมผักผลไม้
- ถ้าร่างกายมีสภาพร้อนชื้น: ให้เติมพริกขี้ฟ้า 1-2 เม็ด (หรือผู้ที่มักมือเท้าเย็นสามารถเติมขิงและเม็ดพริกไทยดำในน้ำผักผลไม้กระเทียมกลีบเล็ก 1 กลีบ เพื่อช่วยให้ธาตุสมดุลหรือขึ้นฉ่าย 3 ก้าน) จะช่วยปรับธาตุในร่างกายให้สมดุล
- ถ้าร่างกายมีสภาพซับซ้อนหรือพิเศษ: ต้องปรึกษาแพทย์แนวธรรมชาติบำบัดหรือนักโภชนากรผู้เชี่ยวชาญ
๐9
ถาม : หลังดื่มน้ำผักผลไม้แล้วอุจจาระเป็นสีแดงถือว่าปกติหรือไม่
ตอบ : อุจจาระเปลี่ยนเป็นสีแดงคือสัญญาณเตือนภัยจากร่างกาย เนื่องจากดื่มน้ำผักผลไม้ที่มีส่วนผสมของหัวบีตรูตซึ่งมีสีแดงแต่ร่างกายไม่สามารถดูดซึม และกำลังบอกคุณทางอ้อมด้วยว่ามีสัญญาณเตือนภัยจากหัวใจ หรือตับ หรือระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย จึงควรได้รับกรดไขมันจำเป็นและโคเอนไซม์คิวเทนในเวลาที่เหมาะสม
ดังนั้น หลังดื่มน้ำผักผลไม้ทุกวันถ้าหัวใจ หรือตับ หรือระบบภูมิคุ้มกันมีสมรรถนะดีขึ้น อุจจาระก็จะค่อยๆ แดงน้อยลง ในทำนองเดียวกัน ถ้าอุจจาระเปลี่ยนเป็นสีเขียวอาจเป็นสัญญาณจากร่างกายเตือนให้ทราบว่าถุงน้ำดีอาจมีปัญหา
Q10
ถาม : หลังดื่มน้ำผักผลไม้แล้ว อุจจาระเหลวและมีกลิ่นไม่ทราบว่าปกติหรือไม่
ตอบ : ขอเพียงยึดหลักขับถ่ายวันละ 3 ครั้ง อุจจาระเหลวหรือกลิ่นแรงยังคงถือว่าเป็นสภาพปกติของการขับพิษ (อุจจาระจะมีสีดำและเหม็นขณะขับพิษ)
นอกจากดื่มน้ำผักผลไม้แล้วสามารถกินสารชีวนะ (ประกอบด้วยจุลินทรีย์ชนิดดีหลายชนิด) ในช่วงเช้าและเย็นตอนท้องว่าง หรือก่อนมื้ออาหารสิบนาที เพื่อให้จุลินทรีย์ชนิดดีไปขจัดจุลินทรีย์ชนิดไม่ดีซึ่งทำให้เกิดกลิ่นแรง จนกว่าจะขับถ่ายได้ 3 ครั้งทุกวัน หรืออาจผสมผงเส้นใยอาหาร 2-3 ช้อนโต๊ะในนมเมล็ดพืชเปลือกแข็งหนึ่งแก้ว ดื่มวันละ 2-3 แก้วก็ช่วยได้
Q11
ถาม : หลังดื่มน้ำผักผลไม้แล้ว ดูเหมือนสีผิวจะออกเหลืองๆ เพราะเหตุใด ถ้างดไม่ใส่แครอตสรรพคุณจะเปลี่ยนไปหรือไม่
ตอบ : น้ำหัวแครอตมีสีเหลืองส้มที่งดงามมากไม่ใช่สีเหลือง เป็นดาวเด่นของสารต้านมะเร็งที่ดีที่สุดและราคาถูก แครอตจึงได้รับการขนานนามว่าเป็นโสม (หยิ่งเซียม) ของคนยาก มีคุณสมบัติในการป้องกันโรค ป้องกันมะเร็งและชะลอความแก่
ตามกลไกธรรมชาติของร่างกายมนุษย์ ถุงน้ำดีจะขับน้ำดีสีเหลืองออกมาทุกวัน เพื่อช่วยย่อยสลายไขมันในกระบวนการเมแทบอลิซึมของร่างกาย เมื่อเสร็จภารกิจแล้ว น้ำดีก็จะถูกส่งไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อขับออกนอกร่างกาย
แต่ถ้าเราขับถ่ายเพียงวันละครั้งหรือท้องผูก น้ำดีสีเหลืองซึ่งอยู่ในลำไส้ใหญ่ก็จะถูกดูดซึมเข้าในกระแสเลือด (ในเลือดมีออกซิเจนมากมายอาจทำให้น้ำดีสีเหลืองกลายเป็นสีเขียวเหลือง) ถ้าสะสมอย่างนี้ทุกวัน สารบิลิรูบิน (Blirubin) ซึ่งมีสีเหลืองในกระแสเลือดก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายย่อมเจ็บป่วยได้ง่ายและแก่เร็ว จึงเป็นเหตุที่ทำให้เวลาป่วยไข้หรือแก่ชรา ผิวพรรณของเรามักดูซูบซีดออกเหลืองหรือเขียวเหลืองไม่เปล่งปลั่งสดใส
ความจริงแล้วแครอตมีอินทรียสารจากพืชคืออัลฟาแคโรทีนและเบตาแคโรทีน ช่วยขับสารบิลิรูบินออกจากเลือดโดยผ่านทางผิวหนัง ผิวพรรณจึงได้กลายเป็นสีเหลือง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ยิ่งน้ำแครอตมากเท่าใดก็จะยิ่งขับสารบิลิรูบินออกมามากเท่านั้น จนกระทั่งในกระแสเลือดไม่มีสารนี้แล้ว ผิวพรรณก็จะเริ่มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อเปล่งปลั่ง ซึ่งหมายความว่า สารเบตาแคโรทีนได้ผ่านถึงผิวชั้นนอกแล้ว เมื่อได้รับรังสียูวีจากแสงแดดก็เปลี่ยนวิตามินเอ ซึ่งวิตามินเอนี่แหละที่เป็นของวิเศษในการป้องกันมะเร็ง ทำให้ผิวพรรณปล่งปลั่งสดใสและช่วยบำรุงสายตา
จึงควรดื่มน้ำผักผลไม้ที่มีส่วนผสมของแครอตมากๆ โดยไม่ใช่ดื่มน้ำแครอดเพียวๆ อย่างเดียว อาจดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อให้สารบิสิรูบินถูกขับออกจากร่างกายโดยผ่านทางปัสสาวะ ลดการขับออกทางผิวหนัง
Q12
ถาม : หลังดื่มน้ำผักผลไม้ติดต่อกันหลายวัน ปรากฏว่ามีอาการผิดปกติ (เช่นเป็นผดผื่นคัน) ยังควรดื่มต่อหรือไม่
ตอบ : ย่อมดื่มต่อได้ ความจริงแล้วนี่เป็นอาการขับพิษโดยน้ำผักผลไม้ อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เคยใช้ยาเกี่ยวกับผิวหนังและเครื่องสำอางปริมาณมากจนตกค้างอยู่ในร่างกาย ดังนั้นน้ำผักผลไม้จึงขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ออกมาก่อน ในอดีตเคยใช้ยาและเครื่องสำอางนานเท่าใด อาการปรับตัวเช่นนี้ก็จะพลอยกินเวลานาน
หากมีอาการดังกล่าวข้างต้น นอกจากดื่มน้ำผักผลไม้แล้ว ควรเลือกใช้สารอาหารที่เป็นประโยชน์และมีส่วนช่วยผิวพรรณด้วย (เช่น บำรุงผมบำรุงเล็บ) นอกจากนี้การปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางก็มีความสำคัญมากเช่นกัน
ถ้าดื่มติดต่อกันหนึ่งเดือนแล้วยังคงมีอาการแพ้อยู่ ก็อาจจะเกิดจากท่านแพ้ส่วนผสมบางอย่าง ขอแนะนำให้ลองหยุดดื่มน้ำผักผลไม้ชั่วคราวและปรึกษาแพทย์แนวธรรมชาติบำบัดหรือนักโภชนากรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ช่วปรับน้ำผักผลไม้เป็นการเฉพาะ พร้อมสารเสริมอาหารตามเป้าที่ต้องการ
Q13
ถาม : หลังดื่มน้ำผักผลไม้ระยะหนึ่งแล้ว มีอาการไม่สบาย(เช่น ท้องเสีย อาเจียน ปวดท้อง ท้องอืด หรือเหงือกบวม) ยังดื่มต่อไปได้หรือไม่
ตอบ : อาจเป็นเพราะล้างผักผลไม้ไม่สะอาดหรือดื่มเร็วเกินไป หรืออาจเกิดจากลำไส้ขาดเอนไซม์ชนิดดี เพื่อหลีกเลี่ยงอาการท้องอืด โปรดจำไว้ว่าน้ำผักผลไม้แต่ละคำต้องเคี้ยวสิบกว่าครั้งค่อยกลืน แต่ถ้ามีอาการปวดกระเพาะอาหารเป็นครั้งคราว อาจเกิดจากมีโรคกระเพาะอาหารเป็นแผลเรื้อรังอยู่แล้ว ขอแนะนำให้เพิ่มสารชีวนะและโคคิวเทนในปริมาณที่เหมาะสมวันละ 3 ครั้ง กินพร้อมกันก่อนดื่มน้ำผักผลไม้ 30 นาที หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำความเข้าใจกับสุขภาพและสภาพร่างกายตน
ข้อมูลดีๆ จากหนังสือ ธรรมชาติช่วยชีวิต 100 คำถาม เจาะลึกเพื่อสุขภาพ เขียนโดย Dr.TOM Wu ดร.ด้านโภชนาการและการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติจากอเมริกา
เปิดโชคชะตา!! ด้วยอาหารการกิน อ่านต่อได้ที่
https://board.postjung.com/1552328
หรือ
ป.ล. เพื่อนๆ สามารถติดตามกระทู้อื่นๆ ได้ตามลิงค์ข้างล่างเลยนะคะ
https://page.postjung.com/n00kky
อ้างอิงจาก: หนังสือ ธรรมชาติช่วยชีวิต 100 คำถาม เจาะลึกเพื่อสุขภาพ เขียนโดย Dr.TOM Wu