หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ตำนาน และประวัติความเป็นมา ของจังหวัดกระบี่

โพสท์โดย ประเสริฐ ยอดสง่า

           กระบี่เป็นจังหวัดเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลด้านตะวันตก หรือฝั่งทะเลอันดามัน เป็นเมือง ซึ่งยกฐานะขึ้นจากชุมชน ที่มาตั้งรกรากถิ่นฐานทํามาหากิน เมื่อ ๑๐๐ กว่าปีมานี้ ไม่ปรากฏโบราณสถาน หรือโบราณวัตถุมากมายนัก เพราะบทบาทดั้งเดิม ของการปกครองบริเวณนี้ คือเมืองนครศรีธรรมราช และดินแดนกระบี่ ก็ผนวกอยู่ในเมืองดังกล่าว ซึ่งเรียกว่า “ทะเลหน้านอก พื้นที่ส่วนใหญ่ในสมัยนั้น จึงเป็นป่าเขา ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรหลากหลาย มีเฉพาะแหล่งปากน้ำลําคลอง และชายฝั่งทะเล

อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนอดีตขึ้นไป ก็พบร่องรอยและหลักฐาน ว่าในสมัยนานมาแล้ว เคยเป็นที่อาศัยของผู้คนมายาวนาน จากหลักฐานทางโบราณคดี สันนิษฐานได้ว่า บริเวณเมืองกระบี่ เคยเป็นแหล่งชุมชนโบราณก่อนประวัติศาสตร์ และต่อเนื่องมาจนถึงสมัยประวัติศาสตร์ กล่าวกันว่า ดินแดนนี้ แต่เดิมคือเมืองบันไทยสมอ หนึ่งในสิบสองเมืองนักษัตร ใช้ตราลิงเป็นตราประจำเมือง ขึ้นกับอาณาจักรนครศรีธรรมราช เมืองกระบี่ สถาปนาขึ้นในรัชสมัย ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในอดีต กระบี่ เป็นเพียงแขวงหนึ่ง อยู่ในอำนาจปกครอง และบังคับบัญชา ของเมืองนครศรีธรรมราช เรียกว่า “แขวงเมืองปกาไส”

พระยาผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราช ให้ปลัดเมือง มาตั้งค่ายทำเพนียดจับช้าง ในท้องถิ่นที่ตำบลปกาไส และได้มีราษฎรจากเมืองนครศรีธรรมราช ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐาน และหลักแหล่งทำมาหากิน เพิ่มมากขึ้น พระปลัดเมือง ได้ยกตำบลปกาไสขึ้นเป็น “แขวงเมืองปกาไส” ขึ้นต่อเมืองนครศรีธรรมราช ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๑๕  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะขึ้นเป็นเมืองปกาไส และพระราชทานนามว่า “เมืองกระบี่” เมื่อได้ประกาศตั้งขึ้นเป็นเมืองแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งที่ทำการเมือง อยู่ที่ตำบลกระบี่ใหญ่ (บ้านตลาดเก่า) ท้องที่อำเภอเมืองกระบี่ในปัจจุบัน มีหลวงเทพเสนา เป็นเจ้าเมืองกระบี่คนแรก

ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๑๘ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แยกเมืองกระบี่ ออกจากการปกครองของเมืองนครศรีธรรมราช เป็นเมืองจัตวา ขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๔๓ สมัยพระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี้ ณ ระนอง) เป็นสมุหเทศาภิบาล มณฑลภูเก็ต ได้พิจารณาเห็นว่า ศาลากลางจังหวัด ที่บ้านตลาดเก่า มีความไม่สะดวกต่อการคมนาคม เพราะสมัยนั้น ต้องอาศัยเรือเป็นพาหนะ จึงย้ายมาที่ตั้งเมืองไป อยู่ตำบลปากน้ำ ซึ่งอยู่ใกล้ปากอ่าว เป็นร่องน้ำลึก เรือใหญ่ สามารถเข้าเทียบท่าได้สะดวก ทำให้เป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัด จนถึงปัจจุบันนี้

ตำนานที่มาของคำว่า "กระบี่" ตามตำนาน เล่าสืบต่อกันมาว่า ชาวบ้านได้ขุดพบ มีดดาบโบราณเล่มหนึ่ง นำมามอบให้กับเจ้าเมืองกระบี่ และต่อมาไม่นาน ก็ขุดพบมีดดาบโบราณเล่มหนึ่ง รูปร่างคล้ายกับมีดดาบโบราณเล่มใหญ่ จึงนำมามอบให้กับเจ้าเมืองกระบี่เช่นกัน เจ้าเมืองกระบี่ เห็นว่าเป็นดาบโบราณสมควรเก็บไว้เป็นดาบคู่บ้านคู่เมือง เพื่อเป็นสิริมงคล แต่ขณะนั้น ยังสร้างเมืองไม่เสร็จ จึงได้นำดาบไปเก็บไว้ ในถ้ำเขาขนาบน้ำ หน้าเมือง โดยวางดาบหรือกระบี่ไขว้กัน ซึ่งลักษณะการวางดาบ หรือกระบี่ที่ไขว้กันนั้น ได้นำมาเป็นสัญลักษณ์ตราประจำจังหวัดกระบี่ โดยมีภูเขาและทะเล ประกอบอยู่ด้านหลัง ซึ่งบ้านที่ขุดพบดาบใหญ่ ได้ตั้งชื่อว่า “บ้านกระบี่ใหญ่” ส่วนบ้านที่ขุดพบดาบเล็ก ได้ตั้งชื่อว่า “บ้านกระบี่น้อย”

ที่มาของกระบี่อีกตำนานหนึ่ง สันนิษฐานว่า คำว่า “กระบี่” อาจเรียกชื่อพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่ง ที่มีมากในท้องถิ่น คือต้น “หลุมพี” จึงเรียกชื่อท้องถิ่นว่า “บ้านหลุมพี” ต่อมา มีชาวมลายูและชาวจีน ที่เข้ามาค้าขาย ได้เรียกเพี้ยนเป็น “บ้าน-กะ-ลู-บี” หรือ “คอโลบี” เมื่อเวลานานเข้า ก็ได้ปรับเป็นสำเนียงไทยว่า “กระบี่”

จังหวัดกระบี่ ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก คือทะเลอันดามัน ทางด้านทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดพังงา และสุราษฎร์ธานี ทางด้านทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดตรัง ทางด้านตะวันออก จังหวัดสุราษฎร์ธานีกับจังหวัดนครศรีธรรมราช ตัวจังหวัด ตั้งอยู่ระหว่างแนวเทือกเขาที่สำคัญ ของภาคใต้ สองแนว คือแนวเทือกเขาภูเก็ต อยู่ทางทิศตะวันตก แนวเทือกเขานครศรีธรรมราช อยู่ทางทิศตะวันออก เป็นเทือกเขาที่ต่อเนื่องมาจากเทือกเขาตะนาวศรี

พื้นที่ส่วนใหญ่มีภูเขาหินปูน เป็นลูกโดด ๆ เตี้ย ๆ มีถ้ำหินปูน บ่อน้ำร้อน และแอ่งน้ำ ที่เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดิน สลับกับพื้นที่แบบลูกคลื่น ลอนลาด ที่ราบเชิงเขา ที่ลาดเอียงไปทางชายฝั่งด้านใต้ และด้านตะวันตก และที่ราบแคบ ๆ แถบชายฝั่งพื้นที่ตอนกลาง มีแนวภูเขาที่สำคัญ คือภูเขาพนมเบญจา อยู่ในเทือกเขาภูเก็ต วางตัวอยู่ในแนวเหนือ-ใต้ เป็นภูเขาที่มียอดเขาสูงสุด ในแนวเทือกเขาภูเก็ต คือสูง ๑,๔๐๐ เมตร เป็นแนวสันปันน้ำ ด้านตะวันตก ไหลลงสู่อ่าวพังงา ด้านตะวันออก ไหลลงสู่แม่น้ำกระบุรี ด้านทิศเหนือ ไหลลงสู่แม่น้ำตาปี ในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี

จังหวัดกระบี่มีชายฝั่งทะเล ยาวประมาณ ๑๖๐ กิโลเมตร เป็นชายฝั่งทะเลยุบตัว อันเกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลก ใกล้กับแนวแผ่นดิน มีลักษณะเว้าแหว่ง และสูงชันต่างกัน บางบริเวณ มีภูเขาติดกับชายฝั่งทะเล เช่น เขากาโรส และมีเกาะอยู่นอกชายฝั่งถึง ๑๓๐ เกาะ ในบรรดาเกาะดังกล่าว มีผู้คนอาศัยอยู่ เพียง ๑๓ เกาะ เกาะที่สำคัญได้แก่ เกาะลันตา เกาะจำ เกาะพีพี เกาะไหง ฯลฯ

พื้นที่ชายฝั่ง ส่วนใหญ่เป็นป่าชายเลนไหล่ทวีป ผืนแคบๆ มีหาดทรายอยู่น้อย มีบางบริเวณ ถูกแรงบีบอัดของเปลือกโลก ทำให้ท้องทะเลเดิม ถูกยกตัวขึ้นมาอยู่บนชายฝั่ง เช่น พื้นที่บริเวณสุสานหอย ๗๕ ล้านปี ที่บ้านแหลมโพธิ์ ตำบลไสไทย อำเภอเมือง

ส่วนการสันนิษฐานอื่น ๆ เกี่ยวกับที่มาของชื่อ “กระบี่” ในความหมายที่แปลว่า “ลิง” ว่าเมืองกระบี่ ก่อนแขวงเมืองปกาไส เป็นที่ตั้งของเมือง “บันไทยสมอ” ซึ่งเป็นเมืองในสิบสองนักษัตร ขึ้นตรงต่อเมืองนครศรีธรรมราช และเมืองบันไทยสมอ ใช้ตราลิงเป็นตราประจำเมือง โดยถือเอาความหมาย แห่งเมืองหน้าด่านปราการ เพราะลิงในสมัยก่อนถือว่า มีความองอาจกล้าหาญ เทียบเท่าทหารกองหน้า เช่น บรรดาลิงแห่งกองทัพพระราม และในสภาพความเป็นจริง คนเฒ่าคนแก่ของเมืองกระบี่เล่าว่า ในสมัยก่อน มีลิงอยู่เป็นจำนวนมาก

เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๒ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สมัยที่ดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ได้เสด็จประพาสเมืองกระบี่ สมัยพระแก้วโกรพ (หมี ณ ถลาง) เป็นเจ้าเมือง ดังความปรากฏ ในจดหมายเหตุประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ ร.ศ. ๑๒๘ (พ.ศ. ๒๓๕๒) พระองค์เสด็จโดยเรือถลาง ผ่านภูเก็ต พังงา มาถึงปากน้ำกระบี่ ทางเมืองกระบี่ ได้จัดขบวนเรือยาว เรือพาย เป็นขบวนต้อนรับ เรือเข้าจอดท่าสะพานเจ้าฟ้า พระองค์ได้เสด็จทอดพระเนตรสถานที่ราชการ ทอดพระเนตรถ้ำหนองกก ซึ่งต่อมาได้ชื่อว่า ถ้ำเสด็จทอดพระเนตรการชนควาย มวยมลายู หนังตะลุง มโนราห์ และมะยง (มะโย่ง) วันรุ่งขึ้น เรือออกจากเมืองกระบี่ ผ่านเกาะลันตา แหลมกรวด ทอดพระเนตรการงมหอยนางรม วันต่อมาเสด็จเกาะลันตา

ในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ เกิดสงครามมหาเอเซียบูรพา มีกองทหารญี่ปุ่น เข้ามาตั้งอยู่ในเมืองกระบี่ ๒ แห่ง คือที่บริเวณบ้านทุ่งแดง และบริเวณบ้านคลองหิน ใช้อาคารโรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล เป็นที่ตั้งกองบัญชาการ หน่วยต่อต้านญี่ปุ่นในจังหวัดกระบี่ ได้ประสานงานกับเสรีไทย ผลักดันให้ญี่ปุ่น ถอนทหารออกไป เรือกลไฟชื่อถ่องโห ซึ่งเดิมเป็นเรือสินค้า วิ่งขนส่งสินค้าระหว่าง ภูเก็ต-กระบี่-ตรัง-ปีนัง ทหารญี่ปุ่นยึดเอาไปใช้ขนส่งทหาร และสัมภาระ ได้ถูกตอร์ปิโดจากเรือดำน้ำฝ่ายสัมพันธมิตร ยิงจมที่บริเวณเกาะหัวขวาน บริเวณทะเลกระบี่ ซากเรือ ยังจมอยู่ใต้น้ำมาจนถึงทุกวันนี้ ในช่วงเวลาสงครามและหลังสงครามชาวกระบี่ ขัดสนแร้นแค้น มากกว่าเมืองอื่น ๆ ถึงสองเท่า เพราะกระบี่ในสมัยนั้น มีความทุรกันดารเป็นปกติอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านการคมนาคมทางบก ติดต่อกับจังหวัดอื่น ๆ คงมีแต่เฉพาะทางเรือ ที่ติดต่อกับจังหวัด ภูเก็ต พังงา ระนอง ย่างกุ้ง ปีนัง สิงคโปร์

กระบี่ เป็นเมืองช้างมาแต่โบราณ การตั้งเมืองขึ้น ก็เนื่องมาจากการตั้งเพนียดจับช้าง ของปลัดเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ชาวบ้านได้คล้องช้างที่บ้านป่าหนองเตา ตำบลลำทับ ปัจจุบัน คือบ้านป่างาม ตำบลดินอุดม คล้องช้างได้ ๖ เชือก มีช้างเผือกรวมอยู่ด้วย ๑ เชือก เป็นเพศผู้ อายุประมาณ ๔ ปี ให้ชื่อว่าพลายแก้ว

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ทางจังหวัด ได้แจ้งไปทางองค์การสวนสัตว์ ขอน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้รับการสมโภชน์ขึ้นระวาง ณ โรงช้างต้น พระราชวังดุสิต เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ได้นามว่า พระเศวตอดุลยเดชพาหนภูมิพลนวนาถบารมีฯ เป็นช้างเผือกชั้นโท

            กระบี่ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าพระยานครศรีธรรมราช ให้พระปลัดเมือง มาตั้งเพนียดจับช้างที่บ้านปกาไส ต่อมามีผู้คนมากขึ้น ก็ยกฐานะเป็นแขวงเมือง แล้วได้รวบรวมแขวงเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ยกฐานะขึ้นเป็นเมืองกระบี่ แต่เนื่องจากไม่มีรายละเอียดว่า เป็นปลัดท่านใด จึงไม่สามารถกำหนดระยะเวลาลงไปได้ อย่างไรก็ตาม ก็มีการสันนิษฐานว่า การตั้งเพนียดจับช้างที่ปกาไสนั้น น่าจะเกิดปลายสมัยเจ้าพระยานคร (พัด) ซึ่งปกครองเมืองนคร ฯ อยู่ ๒๗ ปี

ต่อมาประมาณปี พ.ศ. ๒๔๑๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะแขวงเมืองปกาไส ขึ้นเป็นเมือง และทรงพระราชทานนามว่า “เมืองกระบี่” โดยให้ตั้งที่ทำการบริหารราชการอยู่ที่ตำบลกระบี่ใหญ่ (บ้านตลาดเก่า) ในท้องที่อำเภอเมืองของนครศรีธรรมราช มีเจ้าเมืองคนแรกชื่อหลวงเทพเสนา คําว่ากระบี่ มีต้นเค้ามาจากคําไหนนั้น ไม่สามารถยุติได้แน่นอน เพราะมีการสันนิษฐานกันอยู่หลายอย่างด้วยกัน ดังนี้

๑. กระบี่ แปลว่าดาบ มาจากต้นเค้าคําเดิมว่า “ปกาไส” มีผู้รู้ให้ความเห็นไว้ว่า คําว่า “ปกา/ปากา” แปลว่าดาบ เมื่อมีการยกฐานะแขวงปกาไสขึ้นเป็นเมือง ให้ชื่อว่ากระบี่ เป็นการคงความหมายเดิมอยู่

๒. กระบี่ แปลว่าดาบ ตั้งขึ้นตามคําบอกเล่าว่า เคยมีคนขุดพบดาบได้ที่บ้านนาหลวง ใกล้ค่ายปกาไส แล้วนำมาเก็บไว้ ที่เขาขนาบน้ำ แล้วหายไป บ้างก็ว่า นําขึ้นทูลเกล้าถวายต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดยืนยัน

๓. กระบี่ แปลว่าดาบ ตั้งขึ้น เพราะสืบตํานานมาจากนิทาน เรื่องเขาขนาบน้ำ และตํานานอ่าวนาง ที่มนุษย์กับยักษ์รบกัน ดาบของยักษ์ตกอยู่ที่บ้านกระบี่ใหญ่ ดาบของมนุษย์ ตกไปอยู่บ้านกระบี่น้อย เมื่อตั้งเมืองขึ้นที่บ้านกระบี่ใหญ่ จึงได้ชื่อเมืองกระบี่

๔. กระบี่ มาจากคําว่า “กะรูบี/กะรอบี/โคโลบี” เป็นภาษามลายู แปลว่า ต้นหลุมพี เป็นพืชชนิดหนึ่งในตระกูลสละ ระกํา แต่ผลมีรสเปรี้ยว เดิมเป็นพืชพื้นเมือง มีขึ้นอยู่ทั่วไปแถบนี้ บางท่านก็บอกว่า ทางมลายูออกเสียงคํานี้ว่า “กะษี แล้วเพี้ยนมาเป็นกระบี่

๕. กระบี่ มาจากคําว่ากระบือ เพราะแต่เดิมเขียนว่า “กระบี" (ไม่มีตัว อ.สะกด) แล้วเพี้ยนมา โดยระบบการเขียนในสมัยนั้น และแถบนี้ มีการเลี้ยงกระบือมาก ถึงกับมีสะพานควาย ส่งควายลงเรือ ไปขายต่างประเทศ

๖. กระบี่ แปลว่าลิง ตั้งขึ้นตามเค้าความเชื่อที่ว่า เดิมคือเมืองบันไทสมอ/หรือบันทายสมอ หนึ่งในเมืองสิบสองนักษัตร ของอาณาจักรนครศรีธรรมราชโบราณ ซึ่งใช้ตราลิงเป็นสัญลักษณ์

๗. กระบี่ ตั้งขึ้นตามเอกลักษณ์ สายธารน้ำที่สําคัญ ๒ สาย ที่ตกจากยอดพนมเบญจา สายหนึ่งไปทางน้ำตกห้วยโต้ กลายเป็นคลองกระบี่ใหญ่ อีกสายหนึ่ง ไหลลอดภูเขาออกมา เป็นต้นน้ำกระบี่น้อย ถ้ามองมาจากที่สูง จะเห็นเป็นธารสีเงิน ประดุจสายกระบี่ จึงนํามาเป็นสัญลักษณ์แห่งดาบไขว้ และเป็นชื่อเมือง

 

โพสท์โดย: ประเสริฐ ยอดสง่า
อ้างอิงจาก: https://youtu.be/v8_zMDDE4zw?si=qx0wet6Si_DKtycs
แหล่งที่มาของข้อมูล
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: gru ก็ งง
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
วิธียืนยันตัวตัวเตรียมพร้อมลงทะเบียนรับเงิน ดิจิทัล 10,000 มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ลงทะเบียนผ่านอะไรได้บ้าง ลงผ่านโทรศัพท์ได้หรือไม่อย่าใช้น้ำส้มสายชูมาทำความสะอาดสิ่งต่างๆเหล่านี้ โอกาศพินาศสูงมาก มาดูกันเลยจ้า ว่ามีอะไรบ้างลงทะเบียนแอปทางรัฐ เพื่ิอรับเงิน 10,000ระทึก!เกิดเหตุรถไฟระเบิดในสหรัฐฯอุบัติเหตุสยอง! ชายอินเดียถ่ายวิดีโอ Instagram บนรถจักรยานยนต์ สุดท้ายชนราวเหล็กเสียชีวิตคาที่อึ้ง!!! ครูสาวแอบมีเซ็กกับกลุ่มนักเรียนชายจนตั้งท้องรวม 5 ผลไม้ ที่น้องแมวกินได้ดี มีประโยชน์มากมายอาหารสุดแปลก! เอ็นสิมา (Nsima) และหนอนโมพาเน อาหารอันโอชะในแอฟริกาตอนใต้ทอเบย์ แม็กไกวร์ "สไปเดอร์แมน" วัย 49 ปี สปาร์คไฟรักกับดาวรุ่งเอเชีย วัย 20 ปี!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
มหัศจรรย์ ดอกโครงกระดูก เปลี่ยนสีเมื่อโดนน้ำอุบัติเหตุสยอง! ชายอินเดียถ่ายวิดีโอ Instagram บนรถจักรยานยนต์ สุดท้ายชนราวเหล็กเสียชีวิตคาที่อย่าใช้น้ำส้มสายชูมาทำความสะอาดสิ่งต่างๆเหล่านี้ โอกาศพินาศสูงมาก มาดูกันเลยจ้า ว่ามีอะไรบ้างอึ้ง!!! ครูสาวแอบมีเซ็กกับกลุ่มนักเรียนชายจนตั้งท้องอาหารที่มีราคาแพงที่สุดในโลก
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Review, HowTo, ท่องเที่ยว
กระท่อมที่สร้างจากกระดูกแมมมอธเกาหลีกับญี่ปุ่น เที่ยวที่ไหนประทับใจ?ทะเลน้อย พัทลุง หนึ่งในทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยสถานที่ประหลาดแห่งอนุสรณ์สถานแห่งชาติ Vermilion Cliffs
ตั้งกระทู้ใหม่