รีวิวหนังดัง WAR OF THE PLANET OF THE APES มหาสงครามพิภพวานร
ไตรภาคสุดท้ายของ Caesar ผู้นำวานรแห่งการปฏิวัติวิถีแห่งวานร จุดเริ่มต้นของการก่อตั้งเผ่าพันธุ์วานรที่พร้อมท้าทายต่อการเป็นผู้นำโลก ระหว่างมนุษย์กับวานร ฝ่ายไหนจะเหนือกว่ากัน
เมื่อวานรมาถึงจุดแตกหักกับมนุษย์ ก็ถึงคราวที่มนุษย์จะส่งกองกำลังทหารมาล้างบางวานรโดยเฉพาะ ผลงานการกำกับของ Matt Reeves สานต่อสิ่งที่ค้างไว้จากภาคที่แล้วให้จบในภาคนี้
เรื่องย่อ
มนุษย์เริ่มกวาดล้างวานรอย่างจริงจัง ผู้พันอำมหิตส่งกองทัพตามหา Caesar อย่างถึงที่สุด แม้จะสังหาร Caesar ไม่สำเร็จแต่ก็ทำให้ลูกเมียของ Caesar ถูกสังหารอย่างเลือดเย็น
Caesar ส่งวานรที่เหลืออพยพย้ายถิ่นฐาน เหลือตนและวานรฝีมือดีเดินทางไปล้างแค้นหมายฆ่าผู้พันอำมหิต ระหว่างไปเจอกับ Nova เด็กหญิงที่ได้รับจากผลข้างเคียงของไวรัส SimianFlu ทำให้ไม่รู้วิธีการพูดและสื่อสารไม่เป็น เสียความสามารถด้านการสื่อสารเหมือนเดรัจฉาน
นอกจากนี้ยังได้เจอกับ Bad Ape ที่ช่วยพาไปยังฐานที่มั่นของผู้พัน ที่นั่น Caesar ได้เจอกับฝูงวานรของตนส่วนหนึ่งถูกจับเป็นเชลยด้วย
นักแสดงนำ
- Andy Serkis รับบทเป็น Caesar
- Woody Harrelson รับบทเป็น The Colonel
- Amiah Miller รับบทเป็น Nova
- Karin Konoval รับบทเป็น Maurice
- Steve Zahn รับบทเป็น Bad Ape
- Terry Notary รับบทเป็น Rocket
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.การดำเนินเรื่องอาจจะเนิ่นช้าไปบ้าง เพราะมีการพูดถึงสภาพความเป็นอยู่โดยรวมของวานรแต่ละตัว อารัมภบทค่อนข้างมาก ในช่วงเปิดตัวถือว่าน่าติดตามมาก แต่ช่วงระหว่างที่ตัวเอกกำลังหาทางแก้แค้น ช่วงนั้นถือเป็นช่วงที่กินเวลานานเกินควร ทำให้หนังน่าเบื่อช่วงกลางเรื่อง
2.โทนหนังภาคนี้จะเป็นการเน้น Drama ที่เข้มข้น และสิ่งที่บีบคั้นในจิตใจของ Caesar มากที่สุดคือจะเลือกหนทางแห่งความปรานีหรือจะเลือกวิถีแก้แค้นเหมือนอย่าง Coba ท่ามกลางสถานการณ์ที่ชวนกดดัน เป็นจุดสำคัญที่ชวนให้คนดูลุ้นติดตามตลอดเรื่อง
3.จุดอ่อนของหนังอีกอย่างหนึ่งก็คือ บริบทของเหตุการณ์ยังเข้มข้นได้มากกว่านี้ ยังสามารถมีฉาก Action ที่สำคัญได้มากกว่านี้ ตัวผู้พันอำมหิตที่นำแสดงโดย Woody Harrelson เราก็ไม่รู้ที่มีของเขา ไม่รู้ตัวตนของเขามากนัก แม้แต่ชื่อของผู้พันเอง....หนังก็ไม่เปิดเผย สิ่งเดียวที่หนังถ่ายทอดมาตลอดคือความอ่อนโรยของ Caesar ที่เริ่มอายุมากขึ้นเรื่อยๆ
4.ฉาก Action ไม่ได้โดดเด่นหรือมีภาพจดจำอะไรเลย ใครคาดหวังความมันแบบฉบับแก้แค้นเหมือนอย่างในหนังเรื่องอื่น คอหนัง Action อาจจะต้องผิดหวังจากหนังเรื่องนี้ไป
5.การแสดงของ Woody Harrelson เป็นผู้พันอำมหิต เขาก็ทำได้ดี น่าเสียดายที่มีบทน้อยไปหน่อย เป็นตัวละครร้ายที่ไม่มีน้ำหนัก ไม่ได้มีอิทธิพลกับเหล่าวานรมากกว่านี้ ส่วนหนึ่งเพราะเนื้อเรื่องน้อย ไม่ได้ซับซ้อนอะไรแต่ก็ลากความยาวมาเกือบสองชั่วโมงครึ่งจนได้ นี่ทำให้หนังไปไม่ถึงจุดที่ครีเอเตอร์คาดหวังไว้