รีวิวหนังดัง FURIOSA A MAD MAX SAGA ฟูริโอซ่า มหากาพย์แมด แม็กซ์
หลังจากความสำเร็จของ MAD MAX FURY ROAD (2015) เป็นไปได้ด้วยดี เรื่องราวจึงถูกสานต่อถึงตัวละครหนึ่งที่น่าพูดถึง แต่ยังไม่เคยเล่ารายละเอียด
Furiosa อีโล้นซ่า หญิงแกร่งผู้ไม่ยอมศิโรราบให้กับความอยุติธรรม ในเรื่องนี้จะมีการพูดถึงอดีตของเธอที่ถูกหล่อหลอมด้วยความแค้นจนนำมาสู่ความแกร่งได้อย่างทุกวันนี้ ผลงานการกำกับของคนคุ้นเคย George Miller อัจฉริยภาพด้านการทำหนังแนวโลกยุคแห่งดิบเถื่อน
เรื่องย่อ
Furiosa ในวัยเด็กถือกำเนิดในดินแดน The Green Place เธอถูกจับโดยกลุ่มนักซิ่งมอเตอร์ไซค์ Biker Horde มาอยู่ภายใต้การควบคุมของ Dementus ผู้นำโรคจิตของแก๊ง Biker Horde โดยหวังว่า Furiosa จะยอมบอกเรื่องดินแดนอุดมสมบูรณ์ในบ้านเกิดของเธอว่ามันอยู่ที่ไหน
Dementus เข้าใจผิดคิดว่า Citadel คือ The Green Place เขาจึงต้องการขยายขอบเขตอำนาจ โดยเฉพาะ Citadel ดินแดนอุดมสมบูรณ์ เขตของ Immorton Joe จอมเผด็จการที่เป็น Warload อีกคนที่เหี้ยมโหดไม่แพ้กัน การปะทะกันของสงครามและความรุนแรงจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เรื่องบานปลายไปไกลถึงขั้นที่ Dementus บุกยึด Gas Town ดินแดนน้ำมันที่ใครอยากได้ก็ต้องหาอาหารมาแลก และ Bullet Farm ดินแดนแห่งการสะสมคลังอาวุธ
ทางรอดของ Furiosa คือการไปอยู่กับ Immorton Joe ทำงานอย่างสุดความสามารถและหาโอกาสแก้แค้น..ฆ่า Dementus ให้สาสม
นักแสดงนำ
- Anya Taylor-Joy รับบทเป็น Furiosa
- Chris Hemsworth รับบทเป็น Dementus
- Tom Burke รับบทเป็น Praetorian Jack
- Alyla Browne รับบทเป็น Young Furiosa
- Lachy Hulme รับบทเป็น Immortan Joe, Rizzdale Pell
- Charlee Fraser รับบทเป็น Mary Jabassa
- George Shevtsov รับบทเป็น The History Man
- Elsa Pataky รับบทเป็น Vuvalini General, Mr. Norton
- Nathan Jones รับบทเป็น Rictus Erectus
- Josh Helman รับบทเป็น Scrotus
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.Post-Apocalyptic ยุคโลกล่มสลาย ยังคงเป็น Plot เรื่องหลักของหนัง การดำเนินเรื่องของที่มา ของ Furiosa เป็นไปอย่างละเอียด ทำให้บางช่วงอืดอาดน่าเบื่อไปบ้าง ทั้งที่มันกระชับได้มากกว่านี้ หนังถึงได้ยาว 148 นาทีทั้งที่ไม่จำเป็น
2.ฉาก Action ต่อสู้อย่างเมามันนั้น อย่าได้คาดหวังว่าจะเป็นเหมือนอย่าง MAD MAX FURY ROAD เด็ดขาด แม้ตัวหนังจะมีความระห่ำอยู่บ้าง แต่จะไปเปรียบเทียบกับ Fury road มันจะทำให้หนังจืดชืดไปโดยปริยาย
3.หนังใช้เวลาอารัมภบทไป 1 ชั่วโมง พยายามให้คนดูไม่เบื่อด้วยฉาก Action ประปรายไม่ขาดช่วง แต่ความสะใจนั้นมันก็ไปไม่สุด และการที่ครบ 1 ชั่วโมงก็เป็นช่วงที่ Anya Taylor-Joy ได้ปรากฏตัวพอดี หนังใช้เวลาพูดถึงวัยเด็กของ Furiosa นานไป
4.ชื่นชมการทำงานของทีมสตันท์แมน หลายฉากที่ดูไม่สนุกเท่าไหร่ แต่ฉากเหล่านั้นเห็นได้ชัดเลยว่าเป็นการทำงานหนักมากของเหล่าทีมงานที่ต้องวางแผนหาจังหวะมาเป็นอย่างดี
5.ตอนจบรวบรัดไปหน่อย จากสงครามระหว่าง Dementus vs Immorton Joe ถูกเร่งรัดให้กลายเป็นเพียงเรื่องเล่าแบบพอผ่านๆให้คนดูเข้าใจ ดังนั้น บทสรุปการล้างแค้นของ Furiosa จึงยังไม่สาแก่ใจเท่าที่ควร
6.หนังเล่าเรื่องก่อนเกิดเหตุใน Fury Road ทำให้คนดูเดาทางได้ว่าใครที่จะไม่ตายในภาคนี้ กลายเป็นหมด surprise ไปโดยปริยายแบบไม่ได้ตั้งใจ
7.การแสดงของ Anya Taylor-Joy ถือว่าทรงพลังในแบบของเธอ เชื่อว่าถ้าได้เที่ยวบินมากกว่านี้จะถือเป็นนักแสดงอีกคนที่เล่นได้ดีเลยทีเดียว ขณะที่ Chris Hemsworth เองก็มีบทบาทที่โดดเด่นตลอดทั้งเรื่องในการชี้นำทิศทางของหนังตั้งแต่ต้นจนจบ
8.การประพันธ์เพลงประกอบของเรื่องโดย Tom Holkenborg ไม่ประทับใจเหมือนอย่างใน Mad Max Fury Road อีกแล้ว ออกจะรำคาญเสียด้วยซ้ำ ดนตรีของเขา..มันไม่ได้ช่วยให้อินกับท้องเรื่องเท่าไหร่ ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่น่าเสียดายเอามากๆ