ปิดฉากเจ้าหญิงองค์สุดท้าย แห่งจักรวรรดิออตโตมัน
ฟัตมา เนสลีชาห์ ซุลตาน (ตุรกีออตโตมัน: فاطمه نسل شاہ سلطان; 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2464 – 2 เมษายน พ.ศ. 2555) เป็นเจ้าหญิงออตโตมัน เป็นพระธิดาของเชห์ซาเด เออเมร์ ฟารุก กับซาบีฮา ซุลตาน ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงเป็นพระราชนัดดา ของเคาะลีฟะฮ์อับดุลเมจิดที่ 2 กับเชห์ซูวาร์ ฮานึม พระมเหสีองค์แรก และเป็นพระราชนัดดาของสุลต่านเมห์เมดที่ 6 กับนาซีเคดา คาดึน พระมเหสีองค์แรก
หลังราชวงศ์ออตโตมันล่มสลาย เนสลีชาห์เสด็จลี้ภัยออกจากแผ่นดินแม่ขณะมีพระชันษาเพียงสามปี เจริญพระชันษาที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส
เจ้าหญิงเนสลีชาห์ เป็นพระธิดาพระองค์แรก จากทั้งหมดสามพระองค์ ของเชห์ซาเด เออเมร์ ฟารุก (Șehzade Ömer Faruk) กับซาบีฮา ซุลตาน (Sabiha Sultan) พระชนกและพระชนนีต่างเป็นชนชั้นเจ้า พระชนกเป็นพระราชโอรสในเคาะลีฟะฮ์อับดุลเมจิดที่ 2 ส่วนพระชนนีเป็นพระราชธิดาในสุลต่านเมห์เมดที่ 6 หลังการล่มสลายของราชวงศ์ออตโตมันเนสลีชาห์ เสด็จลี้ภัยออกจากแผ่นดินแม่ ขณะมีพระชันษาเพียงสามปี เจริญพระชันษาที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส
พ.ศ. 2483 เนสลีชาห์เสกสมรสกับมุฮัมมัด อับดุล อัลมุนาอิม พระราชโอรสในเคดิฟอับบาส ฮิลมีที่ 2 ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงมีพระอิสริยยศเป็น เจ้าหญิงแห่งอียิปต์ อีกตำแหน่งหนึ่ง แต่สองปีก่อน มุฮัมมัดเคยขอพระราชานุญาตและใช้พระราชทรัพย์จำนวน 50,000,000 ดอลลาร์สหรัฐจากพระเจ้าฟารูกแห่งอียิปต์เพื่อสู่ขอเจ้าหญิงมือเซเยน (2452–2512) พระขนิษฐาของพระเจ้าซ็อกที่ 1 แห่งแอลเบเนีย แต่ไม่สำเร็จ จึงเสกสมรสกับเจ้าหญิงเนสลีชาห์แทน
หลังเกิดการปฏิวัติเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2495 มุฮัมมัดพระภัสดาถูกเลือกเป็นประธานผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่มีอยู่สามคน ต่อมากลุ่มผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สามคนถูกยุบเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2495 มุฮัมมัดจึงกลายเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองคืเพียงพระองค์เดียว ส่วนเนสลีชาห์ในฐานะพระชายาของเจ้าชายผู้สำเร็จราชการได้กลายเป็นพระราชินีโดยพฤตินัย ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงเสด็จพระกอบพระกรณียกิจเกี่ยวกับงานการกุศลของพระสวามี และทรงร่วมเข้าแข่งขันกีฬาโปโลและเทนนิสระดับนานาชาติ
หลังการดำรงตำแหน่ง ในการเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ของเจ้าชายมูฮัมหมัด ท้ายที่สุดอียิปต์ก็ทำการปฏิวัติ ยกเลิกระบอบสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 1953 ต่อมาในปี ค.ศ. 1957 พระสวามีและพระองค์ ถูกจับกุมด้วยข้อหา วางแผนต่อต้านนายพลกาเมล อับเดล นัสซอร์ ในเวลาต่อมา ทั้งสองได้ถูกเนรเทศอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ เจ้าหญิงฟัตมา ทรงพำนักในยุโรประยะหนึ่ง ก่อนที่จะเสด็จนิราศไปประทับ ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี จนท้ายที่สุด เจ้าชายโมฮัมหมัด ได้สิ้นพระชนม์ลงที่นั้น ในปี ค.ศ. 1979
เจ้าหญิงฟัตมา เนสลีชาห์ ทรงใช้ชีวิตบั้นปลายพระชนม์พำนักอยู่ในนครอิสตันบูลร่วมกับพระธิดาที่ไม่เสกสมรสคือ เจ้าหญิงอิกบาล และเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงองค์สุดท้ายของราชวงศ์ออตโตมัน
เจ้าหญิงฟัตมา เนสลีชาห์ เจ้าหญิงองค์สุดท้ายของราชวงศ์ออตโตมัน สิ้นพระชนม์เมื่อวันจันทร์ที่ 2 เมษายน ค.ศ. 2012 ด้วยพระอาการพระหทัยพิการ สิริพระชนมายุได้ 91 พรรษา และมีพิธีฝังพระศพในวันอังคารที่ 3 เมษายนปีเดียวกัน ณ นครอิสตันบูล อดีตราชธานีของจักรวรรดิออตโตมัน
อ้างอิงจาก:
https://youtu.be/ay45Yk2KN6E?si=iMTuA-zTon_KKOIR
วิกิพีเดีย