นกพิราบ พาหะนำโรคที่เปรียบเหมือนหนูบินได้
นกพิราบเป็นสัตว์ที่พบเห็นได้ทั่วไปในเมืองใหญ่ทั่วโลก แม้จะดูเป็นสัตว์ที่ไม่มีพิษภัย แต่ในความเป็นจริง นกพิราบถือเป็นพาหะนำโรคที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ได้อย่างร้ายแรง บทความนี้จะเจาะลึกถึงโรคที่สามารถติดต่อจากนกพิราบ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พฤติกรรมของนกพิราบ วิธีการป้องกัน และคำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องผ่านพื้นที่ที่มีนกพิราบจำนวนมาก
โรคติดต่ออันตรายจากนกพิราบ ภัยเงียบใกล้ตัวที่คุณอาจไม่เคยรู้
นกพิราบอาจเป็นภาพคุ้นตาตามสวนสาธารณะ อาคารสูง หรือสะพานต่าง ๆ แต่เบื้องหลังภาพเหล่านั้น แฝงไปด้วยความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมูลของนกพิราบเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคหลายชนิด ที่สามารถก่อให้เกิดโรคร้ายแรงในมนุษย์ บางโรคส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ บางโรคอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เรามาทำความรู้จัก 7 โรคที่เกี่ยวข้องกับนกพิราบและแนวทางป้องกันกันดีกว่า
1. เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) – ภัยร้ายที่มาจากเชื้อราและแบคทีเรีย
เยื่อหุ้มสมองอักเสบเป็นภาวะอักเสบของเยื่อที่ห่อหุ้มสมองและไขสันหลัง ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อรา โดยหนึ่งในสาเหตุสำคัญคือเชื้อรา Cryptococcus neoformans ที่พบในมูลนกพิราบ หากเชื้อเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง มีไข้ คอแข็ง ตาพร่ามัว และอาจนำไปสู่ภาวะรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
2. ปอดอักเสบจากเชื้อรา (Pneumonitis) – มูลนกอาจเป็นตัวการ
มูลนกพิราบเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรียหลายชนิด ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของปอดอักเสบ โดยเฉพาะเชื้อรา Cryptococcus neoformans และแบคทีเรีย Chlamydia pneumoniae อาการของผู้ป่วยมักเริ่มจากไอเรื้อรัง มีไข้ เจ็บหน้าอก และอ่อนเพลีย หากเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด อาจทำให้เกิดภาวะติดเชื้อรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
3. คริปโตคอกโคสิส (Cryptococcosis) – เชื้อราจากมูลนกที่โจมตีปอดและสมอง
เชื้อรา Cryptococcus neoformans มักพบในมูลของนกพิราบ และสามารถฟุ้งกระจายในอากาศ เมื่อสูดดมเข้าไป อาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง หายใจติดขัด หรือเจ็บหน้าอก หากเชื้อแพร่กระจายไปยังสมอง อาจนำไปสู่เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทำให้ปวดศีรษะอย่างรุนแรง สับสน และอาจมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วย HIV หรือผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
4. ซาลโมเนลโลสิส (Salmonellosis) – อาหารเป็นพิษจากมูลนก
เชื้อแบคทีเรีย Salmonella ที่อยู่ในมูลนกพิราบสามารถปนเปื้อนในน้ำหรืออาหาร หากรับประทานเข้าไป อาจทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ เช่น ปวดท้อง ท้องเสียรุนแรง อาเจียน และมีไข้ อาการเหล่านี้อาจคงอยู่หลายวันและเป็นอันตรายโดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ
5. ไข้หวัดนก (Avian Influenza) – โรคไวรัสที่อาจข้ามสายพันธุ์มาสู่คน
ไวรัส Avian Influenza หรือไข้หวัดนกเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสัตว์ปีก แม้ว่าจะพบได้ส่วนใหญ่ในไก่ เป็ด และนกบางชนิด แต่มีบางสายพันธุ์ที่สามารถแพร่เชื้อมาสู่มนุษย์ได้ ผ่านการสัมผัสกับน้ำมูก น้ำลาย หรือมูลของนกที่ติดเชื้อ ผู้ติดเชื้ออาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามร่างกาย แต่ในบางกรณีอาจรุนแรงถึงขั้นปอดบวม และระบบหายใจล้มเหลว
6. ฮิสโตพลาสโมซิส (Histoplasmosis) – โรคเชื้อราที่แฝงตัวอยู่ในดิน
Histoplasma เป็นเชื้อราที่พบในดินที่มีมูลนกสะสมอยู่ เมื่อสปอร์ของเชื้อฟุ้งกระจายในอากาศและถูกสูดดมเข้าไป อาจทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัด เช่น ไอแห้ง มีไข้ และปวดเมื่อย ในบางกรณีอาจลุกลามไปสู่ภาวะปอดอักเสบเรื้อรัง และส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย
7. ซิตตาโคซิส (Psittacosis) – ไข้นกแก้วที่ทำให้ปอดอักเสบ
แม้ชื่อของโรคนี้จะเกี่ยวข้องกับนกแก้ว แต่แบคทีเรีย Chlamydia psittaci สามารถพบได้ในนกชนิดอื่น ๆ รวมถึงนกพิราบด้วย ผู้ที่สัมผัสมูลนกหรือสูดดมฝุ่นละอองที่ปนเปื้อนเชื้อ อาจมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น ไข้สูง ปวดหัว และไอแห้ง แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะปอดอักเสบที่รุนแรงได้
งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคจากนกพิราบ
มีงานวิจัยหลายฉบับที่ศึกษาเกี่ยวกับโรคที่ติดต่อจากนกพิราบ ตัวอย่างเช่น:
-
การศึกษาของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าเชื้อรา Cryptococcus neoformans จากมูลนกพิราบ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ สูงถึงร้อยละ 9.09 ซึ่งทำให้เสียชีวิตได้
-
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ พบว่าการสัมผัสกับมูลนกพิราบในพื้นที่เมืองใหญ่ เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
พฤติกรรมของนกพิราบ
นกพิราบเป็นนกที่มีความสามารถในการปรับตัวสูง สามารถอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีอาหารและที่อยู่อาศัยเพียงพอ พฤติกรรมของนกพิราบที่น่าสนใจ ได้แก่:
-
การหาอาหาร: นกพิราบในเมืองมักหาอาหารจากเศษอาหารที่มนุษย์ทิ้งไว้ ทำให้นกพิราบมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อโรคต่าง ๆ
-
การสร้างรัง: นกพิราบมักสร้างรังในที่สูง เช่น อาคาร สะพาน หรือโครงสร้างอื่น ๆ ในเมือง ซึ่งทำให้มูลของนกพิราบสะสมในพื้นที่เหล่านั้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรค
วิธีการไล่นกพิราบ
การควบคุมนกพิราบในพื้นที่เมืองเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค วิธีการที่สามารถนำมาใช้ได้ ได้แก่:
-
การติดตั้งตาข่ายกันนก: การขึงตาข่ายป้องกันนกเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันนกพิราบไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ที่ไม่ต้องการ เช่น ระเบียง หลังคา หรือโรงงาน วิธีนี้ไม่เป็นอันตรายต่อนกและช่วยรักษาความสวยงามของอาคาร
-
การใช้หนามกันนก: การติดตั้งหนามกันนกตามราวหรือขอบพื้นที่ที่นกพิราบชอบมาเกาะ จะทำให้นกไม่สามารถเกาะได้สะดวก วิธีนี้เป็นการป้องกันที่ได้ผลและไม่เป็นอันตรายต่อนก
-
การใช้แสงสะท้อน: การแขวนแผ่นซีดีที่ไม่ใช้แล้วเพื่อให้กระทบกับแสงแดด เป็นวิธีไล่นกพิราบบนหลังคาและระเบียง ไม่ให้มาเข้าใกล้บริเวณบ้านหรือคอนโด
-
การใช้เสียงรบกวน: การแขวนกระดิ่งหรือโมบายที่มีเสียงกรุ๊งกริ๊ง เมื่อลมพัด กระดิ่งเหล่านี้จะกระทบกันจนเกิดเสียง ทำให้นกพิราบตกใจและไม่กล้าบินมาเกาะอีก
-
การใช้สารสกัดจากธรรมชาติ: การฉีดพ่นสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น ยูคาลิปตัส หรือตะไคร้ ซึ่งนกพิราบไม่ชอบกลิ่น สามารถช่วยไล่นกได้ วิธีนี้ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยง
นกพิราบนำมาทำเป็นเมนูอาหารทานได้ไหม
จีน: รสชาติแห่งประเพณีและเทศกาล
ในประเทศจีน โดยเฉพาะในมณฑลกวางตุ้ง การกินนกพิราบถือเป็นเรื่องปกติ โดยเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ "นกพิราบนม" หรือ 乳鸽 ที่นำลูกนกพิราบมาอบกับนมและสมุนไพรจีนจนได้รสชาติที่กลมกล่อม นอกเหนือจากนั้น ยังมีการนำเนื้อไปทำเป็นซุป ย่าง หรือผัดกับซอสแบบกวางตุ้ง ซึ่งมักปรากฏบนโต๊ะอาหารในโอกาสพิเศษ
ฮ่องกง: เมนูยอดนิยมของนักชิม
ฮ่องกงถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีการบริโภคนกพิราบอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในร้านอาหารจีนกวางตุ้งระดับพรีเมียม เมนูที่มีชื่อเสียงได้แก่ "นกพิราบทอด" ซึ่งเป็นการนำทั้งตัวไปหมักกับเครื่องเทศแล้วทอดจนหนังกรอบและเนื้อนุ่มฉ่ำ นิยมเสิร์ฟพร้อมเกลือและมะนาวเพื่อเพิ่มรสชาติ ความนิยมของเมนูนี้ยังขยายไปถึงภัตตาคารหรูที่นำเสนอเป็นเมนูจานพิเศษสำหรับลูกค้าระดับสูง
ฝรั่งเศส: ความหรูหราบนจานอาหารชั้นสูง
ฝรั่งเศสเป็นอีกประเทศที่มีการบริโภคนกพิราบอย่างแพร่หลาย โดยถือเป็นวัตถุดิบสำหรับอาหารระดับไฮเอนด์ เมนูยอดนิยมอย่าง "Pigeon Rôti" หรือ นกพิราบย่าง เป็นเมนูที่เชฟนิยมเสิร์ฟพร้อมซอสสูตรพิเศษ และมักจับคู่กับไวน์แดง เนื้อของนกพิราบที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ เข้มข้น และนุ่ม จึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในอาหารที่เหล่านักชิมต้องลิ้มลอง
สเปน: สัมผัสรสชาติอาหารพื้นเมือง
ในสเปน นกพิราบถูกนำมาใช้ในอาหารหลายชนิด โดยหนึ่งในเมนูที่ขึ้นชื่อคือ "Arroz con Paloma" ซึ่งเป็นข้าวที่นำมาปรุงกับเนื้อนกพิราบและเครื่องเทศต่างๆ ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น อีกเมนูหนึ่งคือ "Paloma Torcaz" นกพิราบป่าที่นิยมย่างหรือทำเป็นซุป อาหารประเภทนี้มักถูกเสิร์ฟในเทศกาลท้องถิ่นและโอกาสสำคัญของครอบครัว
อิตาลี: ศิลปะการปรุงอาหารแบบชนบท
ทางตอนกลางของอิตาลี โดยเฉพาะแคว้นโทสคานาและอุมเบรีย มีเมนูนกพิราบที่ได้รับความนิยมอย่างมาก นั่นคือ "Piccione alla Toscana" หรือ นกพิราบอบสไตล์โทสคานา เมนูนี้ใช้เทคนิคการย่างหรืออบร่วมกับสมุนไพรและไวน์ เพื่อให้ได้รสชาติที่ลุ่มลึกและเข้ากันได้ดีกับเมนูพาสต้าและไวน์แดงของภูมิภาค
อียิปต์: รสชาติแห่งตะวันออกกลาง
สำหรับอียิปต์ นกพิราบถือเป็นอาหารพื้นบ้านที่สามารถพบได้แทบทุกที่ โดยเมนูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ "Hamam Mahshi" หรือนกพิราบยัดไส้ข้าวปรุงรส ซึ่งจะนำไปอบหรือทอดจนได้เนื้อที่ชุ่มฉ่ำและหนังกรอบ เมนูนี้มักเสิร์ฟคู่กับโยเกิร์ตหรือซอสกระเทียม เป็นที่ชื่นชอบของทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว
ไทย: จากอดีตสู่ปัจจุบัน
ในอดีตประเทศไทยเคยมีการบริโภคนกพิราบในบางพื้นที่ โดยเฉพาะตามชุมชนที่มีการล่าสัตว์พื้นบ้าน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเมนูนกพิราบพบได้ไม่บ่อยนักในร้านอาหารทั่วไป ยกเว้นในภัตตาคารจีนหรือร้านอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากฮ่องกงและกวางตุ้ง เช่น "นกพิราบทอด" หรือ "นกพิราบอบเกลือ" ที่บางร้านยังคงมีเสิร์ฟเป็นเมนูพิเศษ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารไทยบางแห่งที่นำเนื้อนกพิราบมาประยุกต์เป็นอาหารป่า แต่ความนิยมในไทยยังถือว่าอยู่ในระดับจำกัด เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
จากอดีตสู่ปัจจุบัน นกพิราบในวงการอาหารโลก
แม้ว่าการบริโภคนกพิราบอาจไม่ใช่เรื่องปกติในบางประเทศ แต่ในวัฒนธรรมอาหารของหลายภูมิภาค นกพิราบเป็นวัตถุดิบที่มีมานานหลายศตวรรษและยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่อาหารพื้นเมืองไปจนถึงภัตตาคารระดับมิชลินสตาร์
การเลือกบริโภคนกพิราบจึงขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของวัตถุดิบ หากมาจากฟาร์มที่เลี้ยงอย่างถูกสุขอนามัย ก็สามารถเป็นเมนูที่ทั้งอร่อยและปลอดภัย แต่หากเป็นนกพิราบจากธรรมชาติหรือเมืองใหญ่ อาจมีความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ดังนั้น การเลือกแหล่งที่มาของอาหารจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้รสชาติของเมนู
บทความที่เกี่ยวข้อง by News Daily TH
เข้าหน้าร้อนแล้ว ไม่ล้างแอร์นาน เสี่ยงเกิดโรคปอดอักเสบ
ทานเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้ไหม?
น้ำผสมวิตามิน มีประโยชน์จริง หรือแค่กลยุทธ์การตลาด?
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
วิธีป้องกันตะขาบในบ้าน ลดเสี่ยงโดนกัด
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
จากสตาร์ตอัปเจ๊ง 3 รอบ สู่เศรษฐี 800 ล้านดอลลาร์…ชายผู้ประกาศสงครามกับ “ความแก่”
10 เลขเด็ดเลขดัง "สลาก 5 ภาค" งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68..รีบส่องเลย ก่อนหวยหมดแผง!!
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”
ตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่
"ประธานสหภาพฯ" บริษัทไดกิ้น เปิดใจหลังสั่งปิดงาน! ชี้ ยังต้องได้โบนัส
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
“ดราม่าระอุ! นางงามกัมพูชาสวมชุดไทยขึ้นเวที Miss Cosmo อ้างเป็นของเขมร คนไทยตั้งคำถาม กระทรวงวัฒนธรรมไทยอยู่ไหน?”
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
สมุนไพรต้านอากาศหนาว ดีต่อระบบหายใจ พร้อมสู้ฝุ่น PM2.5
“ดราม่าระอุ! นางงามกัมพูชาสวมชุดไทยขึ้นเวที Miss Cosmo อ้างเป็นของเขมร คนไทยตั้งคำถาม กระทรวงวัฒนธรรมไทยอยู่ไหน?”
“เปิดกระเป๋า G-Wallet แล้วตกใจ… ทำไมมี 3 ฟีเจอร์ที่รัฐไม่เคยบอก แต่ใช้แล้วได้ประโยชน์กว่าคนละครึ่ง?”
เปิดตำนาน “Kasteel de Haar” ปราสาทยิ่งใหญ่แห่งเนเธอร์แลนด์ งดงามดั่งเทพนิยาย หรูหราที่สุดแห่งยุโรป
สมุนไพรต้านอากาศหนาว ดีต่อระบบหายใจ พร้อมสู้ฝุ่น PM2.5
สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า จุดลึกลับกลางทะเล ที่เรือหาย คนหาย แบบไร้ร่องรอย
"ตังเก" : เพลงแห่งการพลัดถิ่นและศักดิ์ศรีแรงงาน บทเพลงอมตะจาก พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ






