จริงๆ แล้วคนจีนกินเจเยอะไหม? แล้วกินเจเป็นความเชื่อมาจากไหน?
เทศกาลกินเจ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เทศกาลกิ้วอ๋องเซ่งโห่ย" (Nine Emperor Gods Festival) เป็นประเพณีสำคัญที่ปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย ในหมู่ชาวจีนทั่วโลก โดยเฉพาะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไทย แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า ชาวจีนในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่กินเจกันหรือไม่ และความเชื่อเรื่องการกินเจนี้มีที่มาอย่างไร ความเชื่อนี้เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธหรือลัทธิเต๋าอย่างไร และมีประโยชน์ต่อสุขภาพจริงหรือไม่
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และการปฏิบัติของการกินเจในวัฒนธรรมจีน รวมถึงการแพร่กระจายของประเพณีนี้ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก พร้อมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบต่อสุขภาพจากมุมมองทางการแพทย์และโภชนาการสมัยใหม่
ความเชื่อการกินเจมาจากไหน
การกินเจในวัฒนธรรมจีนมีรากฐานมาจากความเชื่อทางศาสนาและปรัชญาหลายแขนง โดยเฉพาะพุทธศาสนานิกายมหายาน ลัทธิเต๋า และแนวคิดของขงจื๊อ ซึ่งล้วนมีอิทธิพลต่อการกำหนดวิถีชีวิตและพฤติกรรมการบริโภคของชาวจีน
อิทธิพลจากพุทธศาสนา
ในพุทธศาสนา โดยเฉพาะนิกายมหายาน มีคำสอนเรื่องอหิงสา (การไม่เบียดเบียนสัตว์) และความเมตตากรุณาต่อสรรพชีวิต การละเว้นจากการบริโภคเนื้อสัตว์จึงถือเป็นการปฏิบัติที่สอดคล้องกับหลักคำสอนดังกล่าว
ศาสตราจารย์ Yu Shuenn-Der นักมนุษยวิทยาจากสถาบัน Academia Sinica ในไต้หวัน อธิบายว่า "การกินเจในพุทธศาสนานิกายมหายานมีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเชื่อว่าการงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์จะช่วยชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ และเป็นการสร้างกุศลด้วยการไม่เบียดเบียนชีวิตอื่น"
งานวิจัยของ Dr. Eric Yu (2012) จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เรื่อง "Buddhist Influence on Chinese Food Culture" ระบุว่า พุทธศาสนานิกายมหายานเข้ามามีอิทธิพลในประเทศจีนตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (25-220 ค.ศ.) และได้มีการผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิมของจีน ทำให้เกิดรูปแบบการปฏิบัติที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงการถือศีลกินเจในช่วงเวลาสำคัญต่างๆ
อิทธิพลจากลัทธิเต๋า
ลัทธิเต๋ามีความเชื่อเรื่องความสมดุลของพลังหยิน-หยาง และมองว่าการรับประทานอาหารมีผลต่อสมดุลของพลังงานในร่างกาย ในบางช่วงเวลา โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญทางศาสนา การงดเว้นเนื้อสัตว์ถือเป็นวิธีหนึ่งในการปรับสมดุลพลังงานและชำระร่างกายให้บริสุทธิ์
ศาสตราจารย์ Livia Kohn ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนาเต๋าจากมหาวิทยาลัยบอสตัน กล่าวในหนังสือ "Daoist Dietetics: Food for Immortality" (2010) ว่า "ในลัทธิเต๋า อาหารไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งที่ใช้หล่อเลี้ยงร่างกาย แต่ยังเป็นวิธีการในการบรรลุความเป็นอมตะ (immortality) ด้วย การงดเว้นเนื้อสัตว์และการบริโภคพืชบางชนิดเชื่อว่าจะช่วยยืดอายุและเสริมสร้างพลังชี่"
เทศกาลกิ้วอ๋องเซ่งโห่ย หรือเทศกาลกินเจที่ปฏิบัติกันในปัจจุบัน มีความเชื่อมโยงกับลัทธิเต๋าอย่างชัดเจน โดยเป็นการบูชาเทพเจ้าทั้งเก้า หรือ "กิวหงฮุกโจ้ว" (Jiu Huang Xing Jun หรือ Nine Emperor Gods) ซึ่งเชื่อว่าเป็นดวงดาวเก้าดวงในทางเต๋า เทพเจ้าเหล่านี้จะลงมาเยือนโลกมนุษย์ในช่วงเดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติจีน
การผสมผสานความเชื่อ
ในความเป็นจริง การกินเจในวัฒนธรรมจีนเป็นผลมาจากการผสมผสานความเชื่อทั้งจากพุทธศาสนา ลัทธิเต๋า และความเชื่อพื้นบ้านดั้งเดิม ดร.จาง เหวินหลิน (Dr. Zhang Wenlin) นักประวัติศาสตร์อาหารจากมหาวิทยาลัยฟู่ตั้น อธิบายว่า "วัฒนธรรมการกินเจของจีนไม่ได้มาจากแหล่งเดียว แต่เป็นการหลอมรวมอิทธิพลจากหลายความเชื่อเข้าด้วยกัน ซึ่งมีวิวัฒนาการมาหลายพันปี"
งานวิจัยของ Professor Roel Sterckx (2019) จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เรื่อง "Food, Sacrifice, and Sagehood in Early China" ได้แสดงให้เห็นว่า แม้แต่ก่อนการเข้ามาของพุทธศาสนา ชาวจีนบางกลุ่มก็มีการงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ในบางช่วงเวลาเพื่อวัตถุประสงค์ทางพิธีกรรมและการชำระล้างตนเองทางจิตวิญญาณ
การกินเจในจีนแผ่นดินใหญ่
ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ การกินเจตามเทศกาลกิ้วอ๋องเซ่งโห่ยไม่ได้แพร่หลายเท่ากับในชุมชนจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม (1966-1976) มีการกวาดล้างความเชื่อทางศาสนาและประเพณีดั้งเดิม ทำให้ความนิยมในการปฏิบัติตามความเชื่อเหล่านี้ลดลง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา มีการฟื้นฟูความสนใจในวัฒนธรรมดั้งเดิม รวมถึงการกินเจในบางภูมิภาค โดยเฉพาะในมณฑลทางภาคใต้ เช่น ฮกเกี้ยน กวางตุ้ง และไหหลำ
จากการสำรวจของสถาบันวิจัยอาหารแห่งจีน (China Food Research Institute) ในปี 2022 พบว่ามีประชากรชาวจีนประมาณ 50 ล้านคน หรือประมาณ 3.5% ของประชากรทั้งหมด ที่ระบุว่าตนเองเป็นมังสวิรัติหรือกินเจเป็นประจำ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2% ในปี 2010
คนจีนในปัจจุบันกินเจหรือไม่
ในปัจจุบัน การกินเจในหมู่ชาวจีนทั้งในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่และในชุมชนจีนทั่วโลกมีความหลากหลายและแตกต่างกันไปตามภูมิภาคและความเชื่อส่วนบุคคล
การกินเจในชุมชนจีนโพ้นทะเล
ในชุมชนจีนโพ้นทะเล โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เทศกาลกินเจยังคงได้รับความนิยมและมีการปฏิบัติอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์
ในประเทศไทย เทศกาลกินเจเป็นประเพณีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีการจัดงานเทศกาลกินเจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้เข้าร่วมหลายแสนคนในแต่ละปี
รองศาสตราจารย์ ดร.เสาวภา พรสิริพงษ์ นักมนุษยวิทยาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า "เทศกาลกินเจในประเทศไทยมีลักษณะพิเศษที่ผสมผสานระหว่างความเชื่อดั้งเดิมของจีนกับวัฒนธรรมไทย ทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่"
แนวโน้มการกินเจในกลุ่มคนรุ่นใหม่
ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และในชุมชนจีนทั่วโลก การกินเจกำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น แต่ด้วยเหตุผลที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อน โดยเน้นที่ประโยชน์ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากกว่าความเชื่อทางศาสนา
งานวิจัยของ Dr. Willa Zhen (2020) จากสถาบันอาหารโลก Culinary Institute of America เรื่อง "Food Studies and Asian American Studies" พบว่า คนรุ่นใหม่เชื้อสายจีนในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่จะกลับมาสนใจการกินเจตามวัฒนธรรมดั้งเดิม แต่ด้วยมุมมองใหม่ที่เชื่อมโยงกับกระแสรักสุขภาพและความยั่งยืน
ในจีนแผ่นดินใหญ่ บริษัทวิจัยตลาด Daxue Consulting รายงานในปี 2023 ว่า ตลาดอาหารมังสวิรัติและอาหารเจในจีนมีมูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท) และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี โดยกลุ่มผู้บริโภคหลักคือคนรุ่นใหม่ที่มีการศึกษาสูงและอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่
มีประเทศไหนบ้างที่นิยมกินเจ
การกินเจหรือการบริโภคอาหารมังสวิรัติไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในวัฒนธรรมจีนเท่านั้น แต่ยังพบในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไปทั้งด้านศาสนา วัฒนธรรม สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม
มีประเทศไหนบ้างที่นิยมกินเจ
การกินเจหรือการบริโภคอาหารมังสวิรัติไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในวัฒนธรรมจีนเท่านั้น แต่ยังพบในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไปทั้งด้านศาสนา วัฒนธรรม สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม
อินเดีย: ดินแดนแห่งมังสวิรัติ
อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรมังสวิรัติมากที่สุดในโลก โดยมีประชากรประมาณ 30-40% ที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ หรือราว 400 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนมังสวิรัติในทุกประเทศรวมกัน
ความนิยมในการกินมังสวิรัติในอินเดียมีรากฐานมาจากหลักคำสอนในศาสนาฮินดู เช่น หลักอหิงสา (การไม่เบียดเบียน) และความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด รวมถึงแนวคิดเรื่องความบริสุทธิ์และมลทิน
ศาสตราจารย์ Arvind Sharma จากมหาวิทยาลัย McGill ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนาฮินดู กล่าวว่า "ในวรรณะพราหมณ์ซึ่งเป็นวรรณะสูงสุดในระบบวรรณะของฮินดู การไม่บริโภคเนื้อสัตว์ถือเป็นการปฏิบัติที่สำคัญเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ทางพิธีกรรม"
ในศาสนาเชน ซึ่งเป็นศาสนาที่แยกตัวออกมาจากฮินดู การกินมังสวิรัติเป็นข้อปฏิบัติที่เข้มงวดมาก โดยผู้นับถือศาสนาเชนจะหลีกเลี่ยงแม้แต่การบริโภคพืชหัวและรากบางชนิด เนื่องจากการเก็บเกี่ยวอาจทำให้สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในดินต้องตาย
ไต้หวัน: แดนมังสวิรัติแห่งเอเชียตะวันออก
ไต้หวันเป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรมังสวิรัติสูงที่สุดในเอเชียตะวันออก โดยมีประชากรประมาณ 13-14% ที่เป็นมังสวิรัติหรือกินเจเป็นประจำ อิทธิพลสำคัญมาจากพุทธศาสนานิกายมหายานที่มีบทบาทสำคัญในสังคมไต้หวัน
นิกายฉือกวง (Tzu Chi) ซึ่งเป็นองค์กรพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการกินมังสวิรัติ โดยผู้ก่อตั้ง ภิกษุณีเฉิง เหยียน (Master Cheng Yen) ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการกินมังสวิรัติเพื่อส่งเสริมความเมตตากรุณาและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ดร.มาร์คัส ลี (Dr. Marcus Lee) นักสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน กล่าวว่า "ไต้หวันมีวัฒนธรรมอาหารมังสวิรัติที่พัฒนามาอย่างยาวนาน ทำให้อาหารมังสวิรัติแบบไต้หวันมีความหลากหลายและรสชาติดีมาก จนเป็นที่ยอมรับแม้แต่ในหมู่ผู้ที่ไม่ได้กินมังสวิรัติเป็นประจำ"
การศึกษาของ Digitimes Research ในปี 2021 พบว่า ไต้หวันมีร้านอาหารมังสวิรัติมากกว่า 6,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงมากเมื่อเทียบกับขนาดประชากร นอกจากนี้ยังมีซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เน้นขายสินค้ามังสวิรัติโดยเฉพาะอีกหลายร้อย สาขา
ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การกินเจได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศที่มีชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์
ในประเทศไทย เทศกาลกินเจเป็นเทศกาลสำคัญที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวไทยทั่วไป โดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ต พังงา ตรัง และกรุงเทพฯ การวิจัยโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยในปี 2022 พบว่า ในช่วงเทศกาลกินเจ มีมูลค่าการบริโภคอาหารเจสูงถึง 45,000-50,000 ล้านบาท และมีประชาชนเข้าร่วมถือศีลกินเจมากกว่า 30% ของประชากรทั้งประเทศ
รองศาสตราจารย์ ดร.วรรณา อุดมรัตน์ จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต กล่าวว่า "เทศกาลกินเจที่ภูเก็ตมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 150 ปี และได้รับการยอมรับว่าเป็นงานเทศกาลกินเจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการจัดขบวนแห่ การทรงเจ้า และพิธีกรรมต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์"
ในมาเลเซียและสิงคโปร์ เทศกาลกินเจหรือที่เรียกว่า "Nine Emperor Gods Festival" เป็นเทศกาลสำคัญในชุมชนชาวจีน โดยเฉพาะกลุ่มที่พูดภาษาฮกเกี้ยนและแต้จิ๋ว
อิสราเอลและตะวันออกกลาง
อิสราเอลเป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรมังสวิรัติและวีแกนสูงที่สุดประเทศหนึ่งในโลก โดยมีประชากรประมาณ 5-8% ที่เป็นมังสวิรัติ และอีก 5% ที่เป็นวีแกน
อิทธิพลสำคัญมาจากกฎการรับประทานอาหารคาเชอร์ (Kosher) ในศาสนายูดาย ซึ่งมีข้อกำหนดเข้มงวดเกี่ยวกับการบริโภคเนื้อสัตว์ ทำให้หลายคนเลือกที่จะกินมังสวิรัติเพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากในการปฏิบัติตามกฎคาเชอร์
นอกจากนี้ อาหารตะวันออกกลางดั้งเดิมหลายอย่าง เช่น ฮุมมุส ฟาลาเฟล และตาบูเล่ห์ เป็นอาหารมังสวิรัติอยู่แล้ว ทำให้การกินมังสวิรัติในภูมิภาคนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย
ยุโรปและอเมริกาเหนือ
ในยุโรปและอเมริกาเหนือ การกินมังสวิรัติและวีแกนกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสุขภาพ จริยธรรมในการปฏิบัติต่อสัตว์ และสิ่งแวดล้อม
สหราชอาณาจักรมีสัดส่วนประชากรวีแกนสูงที่สุดในยุโรป โดยมีประชากรประมาณ 1.5% ที่เป็นวีแกน และอีก 7% ที่เป็นมังสวิรัติ ตามรายงานของ The Vegan Society ปี 2022
ในเยอรมนี การสำรวจของ Allensbach Institute ในปี 2022 พบว่า มีประชากรประมาณ 8% ที่เป็นมังสวิรัติ และจำนวนผู้บริโภคที่ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ (flexitarians) สูงถึง 40% ของประชากรทั้งหมด
ในสหรัฐอเมริกา แม้สัดส่วนประชากรมังสวิรัติจะอยู่ที่ประมาณ 5% แต่ตลาดอาหารมังสวิรัติและวีแกนมีมูลค่าสูงถึง 7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สรุปบทความ คนจีนกินเจไหม แล้วกินเจเป็นความเชื่อมาจากไหน
บทความนี้ News Daily TH นำเสนอข้อมูลครอบคลุมเกี่ยวกับการกินเจในวัฒนธรรมจีนและทั่วโลก โดยอธิบายถึงรากฐานความเชื่อที่มาจากการผสมผสานระหว่างพุทธศาสนานิกายมหายาน ลัทธิเต๋า และความเชื่อพื้นบ้านของจีน
การกินเจในวัฒนธรรมจีนเริ่มมีอิทธิพลชัดเจนหลังพุทธศาสนาเข้ามาในจีนสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (25-220 ค.ศ.) และได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากจักรพรรดิอู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในปี ค.ศ. 511 ส่วนเทศกาลกินเจ เริ่มต้นในสมัยราชวงศ์หมิง (1368-1644) และเกี่ยวข้องกับการบูชาเทพเจ้าทั้งเก้าในลัทธิเต๋า
ในปัจจุบัน การกินเจในจีนแผ่นดินใหญ่ไม่แพร่หลายเท่าในชุมชนจีนโพ้นทะเล อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มฟื้นฟูความสนใจในวัฒนธรรมดั้งเดิมรวมถึงการกินเจ โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่ามีชาวจีนประมาณ 50 ล้านคน หรือ 3.5% ที่เป็นมังสวิรัติหรือกินเจเป็นประจำ
นอกจากจีน การกินมังสวิรัติในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอินเดียที่มีประชากรมังสวิรัติมากที่สุดในโลก (30-40% ของประชากร) ไต้หวันที่มีสัดส่วนประชากรมังสวิรัติสูงที่สุดในเอเชียตะวันออก (13-14%) และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่
ประโยชน์ของการกินเจต่อสุขภาพ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากงานวิจัยทางการแพทย์ ได้แก่ การลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง การช่วยควบคุมน้ำหนัก การลดการอักเสบในร่างกาย และผลดีต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ พร้อมทั้งให้ข้อควรพิจารณาในการกินเจให้ได้ประโยชน์สูงสุด เช่น การได้รับโปรตีนและวิตามินที่เพียงพอ
ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่าการกินเจไม่เพียงเป็นความเชื่อทางศาสนาและวัฒนธรรม แต่ยังเป็นแนวทางการบริโภคที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลกด้วยเหตุผลที่หลากหลายทั้งด้านศาสนา สุขภาพ จริยธรรม และสิ่งแวดล้อม
บทความที่เกี่ยวข้อง by News Daily TH
แผ่นแปะลดไข้ ที่ไม่ได้ช่วยลดไข้!
สมภารไม่กินไก่วัด เหตุผลที่หัวหน้าไม่ควรมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกน้อง
หากอ่านแล้วบทความมีประโยชน์ กดโหวต ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ ให้ด้วยนะคะ




