หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

กลิ่นสีในบ้านใหม่ อันตรายใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด!

เนื้อหาโดย บทความ ชุมชน

การปรับปรุงหรือทาสีบ้านใหม่ให้สวยงามน่าอยู่เป็นสิ่งที่หลายครอบครัวต้องการ แต่รู้หรือไม่ว่ากลิ่นสีหรือสารเคมีที่ตกค้างหลังการปรับปรุงอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและชีวิตได้หากไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกวิธี บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอันตรายจากกลิ่นสีและสารเคมีในบ้านที่เพิ่งปรับปรุง พร้อมวิธีแก้ไขและป้องกันที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณและครอบครัวได้อยู่อาศัยในบ้านที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง

กลิ่นอับหลังจากการปรับปรุงบ้านหรือทาสีใหม่

การปรับปรุงบ้านหรือทาสีใหม่มักทิ้งกลิ่นอับไว้ในบ้าน ซึ่งเป็นผลมาจากสารระเหยอินทรีย์ (Volatile Organic Compounds หรือ VOCs) ที่ถูกปล่อยออกมาจากวัสดุก่อสร้างและผลิตภัณฑ์ตกแต่งต่างๆ จากการศึกษาของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกา (EPA) พบว่าความเข้มข้นของสาร VOCs ภายในอาคารสามารถสูงกว่าภายนอกได้ถึง 2-5 เท่า และสูงขึ้นได้ถึง 1,000 เท่าหลังจากกิจกรรมเช่นการทาสี (EPA, 2023)

สาเหตุของกลิ่นอับหลังการปรับปรุง

  1. สารระเหยจากสีทาบ้าน:
    • สีน้ำมัน: ประกอบด้วยสารทินเนอร์และตัวทำละลายอื่นๆ ที่ปล่อย VOCs สูง
    • สีน้ำ: แม้จะมีสาร VOCs น้อยกว่า แต่ก็ยังคงปล่อยสารเคมีบางชนิด
    • สารเคลือบผิว: มักมีสารระเหยสูงและใช้เวลานานในการแห้งสนิท
  2. วัสดุตกแต่งใหม่:
    • เฟอร์นิเจอร์ใหม่ โดยเฉพาะชนิดที่ทำจากไม้อัด MDF หรือมีการเคลือบสารเคมี
    • พรม วอลล์เปเปอร์ และวัสดุปูพื้นใหม่
    • กาวและสารยึดติดที่ใช้ในการติดตั้ง
  3. ระบบระบายอากาศไม่เพียงพอ: จากการศึกษาโดย Lawrence Berkeley National Laboratory (2022) พบว่าบ้านที่มีระบบระบายอากาศไม่เพียงพอจะมีความเข้มข้นของสาร VOCs สูงกว่าบ้านที่มีระบบระบายอากาศดีถึง 3 เท่า

กรณีศึกษา: ผลกระทบของกลิ่นสีในพื้นที่ปิด

งานวิจัยของ Qian et al. (2021) ติดตามครอบครัว 50 ครอบครัวที่เพิ่งปรับปรุงบ้านในกรุงเทพฯ พบว่า 68% รายงานอาการผิดปกติทางระบบทางเดินหายใจภายใน 2 สัปดาห์หลังการย้ายเข้า โดยเฉพาะในบ้านที่มีการระบายอากาศต่ำและใช้สีที่มีสาร VOCs สูง

อันตรายจากการสูดกลิ่นสีที่อับในห้อง

การสูดดมสารเคมีจากสีและผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านเป็นระยะเวลานานอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพ ตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงปัญหาสุขภาพเรื้อรัง

ผลกระทบระยะสั้น

  1. ระบบทางเดินหายใจ:
    • ระคายเคืองจมูกและลำคอ
    • หายใจลำบาก หอบหืด
    • ไอ แน่นหน้าอก
  2. ระบบประสาท:
    • ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
    • คลื่นไส้ อาเจียน
    • อ่อนเพลีย สับสน
  3. ระบบอื่นๆ:
    • ระคายเคืองตา น้ำตาไหล
    • ระคายเคืองผิวหนัง ผื่นแดง
    • แพ้ เช่น จาม น้ำมูกไหล

วารสาร Environmental Health Perspectives รายงานว่าการสัมผัสกับสาร VOCs ในความเข้มข้นสูงแม้เพียงระยะสั้นสามารถก่อให้เกิดอาการเหล่านี้ได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง (Wolkoff, 2018)

ผลกระทบระยะยาว

  1. โรคเรื้อรัง:
    • โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง
    • ความผิดปกติของตับและไต
    • ความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิด
  2. ระบบประสาทและสมอง:
    • ความบกพร่องด้านความจำและสมาธิ
    • ความเสี่ยงต่อโรคระบบประสาทเสื่อม
  3. ระบบภูมิคุ้มกัน:
    • ความไวต่อสารก่อภูมิแพ้เพิ่มขึ้น
    • ภาวะภูมิไวเกิน

งานวิจัยจาก World Health Organization (WHO) พบว่าการสัมผัสสาร VOCs เป็นเวลานานเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอดถึง 40% ในบางกรณี (WHO, 2023)

กลุ่มเสี่ยง

การศึกษาของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (2022) พบว่าเด็กที่อาศัยในบ้านที่เพิ่งปรับปรุงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการหอบหืดสูงขึ้น 32% เมื่อเทียบกับเด็กในบ้านที่ไม่ได้ปรับปรุง

วิธีแก้ไขกลิ่นสีที่อับในห้อง

การแก้ไขปัญหากลิ่นสีและสารเคมีที่ตกค้างภายในบ้านเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ มีวิธีการหลายแบบที่มีประสิทธิภาพ แต่ต้องเลือกให้เหมาะกับสถานการณ์

การระบายอากาศ

  1. เปิดหน้าต่างและประตู:
    • วิธีธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
    • ควรเปิดหน้าต่างสองด้านเพื่อให้เกิดการไหลเวียนของอากาศ
    • ตามงานวิจัยของ Harvard School of Public Health (2021) การเปิดหน้าต่างสามารถลดความเข้มข้นของ VOCs ได้ถึง 90% ภายใน 4-6 ชั่วโมง
  2. ใช้พัดลมระบายอากาศ:
    • พัดลมตั้งพื้นหรือพัดลมติดหน้าต่าง
    • พัดลมดูดอากาศในห้องน้ำหรือครัว
  3. ระบบระบายอากาศแบบบังคับ:
    • ระบบ Mechanical Ventilation with Heat Recovery (MVHR)
    • แอร์ที่มีระบบนำอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก

บทความที่น่าสนใจ by News Daily TH
✪ วิตามินที่กินเสริมกัน รู้ไหมเขาสังเคราะห์มาจากอะไร?

✪ น้ำผสมวิตามิน มีประโยชน์จริง หรือแค่กลยุทธ์การตลาด?


การใช้เครื่องฟอกอากาศ

  1. เครื่องฟอกอากาศที่มีไส้กรอง HEPA และคาร์บอน:
    • สามารถดักจับอนุภาคและดูดซับสาร VOCs
    • ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับพื้นที่ห้อง
    • จากการทดสอบโดย Consumer Reports (2023) พบว่าเครื่องฟอกอากาศคุณภาพดีสามารถลดสาร VOCs ได้ 60-80%
  2. วิธีการใช้เครื่องฟอกอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ:
    • วางในจุดที่อากาศไหลเวียนดี
    • เปิดตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงแรกหลังปรับปรุงบ้าน
    • ทำความสะอาดและเปลี่ยนไส้กรองตามกำหนด

วิธีธรรมชาติ

  1. พืชฟอกอากาศ:
    • สไปเดอร์แพลนท์, เฟิร์นบอสตัน, และพืชแซนซิวาเรีย
    • การศึกษาของ NASA's Clean Air Study พบว่าพืชบางชนิดสามารถลดสารพิษในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • ควรใช้ 1-2 ต้นต่อพื้นที่ 10 ตารางเมตร
  2. ถ่านกัมมันต์:
    • วางถาดใส่ถ่านกัมมันต์ในห้อง
    • ประสิทธิภาพในการดูดซับกลิ่นและสารเคมี
    • ควรเปลี่ยนทุก 2-3 สัปดาห์
  3. สารดูดซับธรรมชาติ:
    • เบกกิ้งโซดา
    • น้ำส้มสายชูขาว (วางในถ้วยเปิด)
    • เกลือหิมาลายัน

วารสาร Building and Environment รายงานว่าการใช้วิธีธรรมชาติร่วมกับการระบายอากาศจะเพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดสาร VOCs ได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับการระบายอากาศเพียงอย่างเดียว (Li et al., 2022)

วิธีเช็คว่าอากาศในห้องพร้อมอยู่โดยไม่เป็นอันตราย

การตรวจสอบคุณภาพอากาศในบ้านหลังการปรับปรุงเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนย้ายเข้าอยู่อาศัย มีหลายวิธีที่สามารถทำได้ ทั้งแบบง่ายๆ ด้วยตนเองและการใช้อุปกรณ์เฉพาะทาง

การประเมินด้วยประสาทสัมผัส

  1. การทดสอบด้วยกลิ่น:
    • เข้าไปในห้องที่ปิดประตูหน้าต่างไว้อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
    • หากยังได้กลิ่นสีหรือสารเคมีชัดเจน แสดงว่ายังมีการระเหยของ VOCs อยู่
    • หมายเหตุ: ไม่ควรอยู่นานเกิน 5-10 นาทีหากกลิ่นยังแรง
  2. สังเกตอาการผิดปกติ:
    • ระคายเคืองตา จมูก หรือลำคอ
    • ปวดศีรษะ มึนงง คลื่นไส้
    • หากมีอาการเหล่านี้ แสดงว่าอากาศยังไม่ปลอดภัยพอ

การใช้อุปกรณ์ตรวจวัด

  1. เครื่องวัด VOCs:
    • อุปกรณ์แบบพกพาที่วัดระดับ VOCs ในอากาศ
    • ราคาเริ่มต้นประมาณ 2,000-5,000 บาท
    • ค่าที่ปลอดภัยควรต่ำกว่า 0.5 ppm (ส่วนในล้านส่วน)
  2. เครื่องวัดคุณภาพอากาศหลายพารามิเตอร์:
    • วัดได้ทั้ง VOCs, ฝุ่น PM2.5, คาร์บอนไดออกไซด์ และความชื้น
    • ราคาอยู่ที่ 5,000-15,000 บาท
    • ให้ข้อมูลครบถ้วนกว่าเพื่อการตัดสินใจ
  3. ชุดทดสอบ Formaldehyde:
    • ทดสอบเฉพาะฟอร์มาลดีไฮด์ซึ่งเป็นสาร VOCs ที่พบบ่อย
    • แบบใช้แล้วทิ้งราคาประมาณ 500-1,000 บาท
    • ค่าที่ปลอดภัยควรต่ำกว่า 0.1 ppm

การศึกษาจาก University of Michigan (2023) แนะนำให้ใช้เครื่องวัด VOCs แบบดิจิทัล เนื่องจากให้ผลแม่นยำกว่าการประเมินด้วยประสาทสัมผัสถึง 4 เท่า

มาตรฐานคุณภาพอากาศภายในอาคาร

ตามคำแนะนำของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (2023) และ American Society of Heating, Refrigerating and Air-Conditioning Engineers (ASHRAE) ค่ามาตรฐานความปลอดภัยมีดังนี้:

  1. Total VOCs: ไม่เกิน 0.5 mg/m³
  2. Formaldehyde: ไม่เกิน 0.08 ppm
  3. Benzene: ไม่เกิน 0.003 ppm
  4. PM2.5: ไม่เกิน 35 µg/m³
  5. คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂): ไม่เกิน 1,000 ppm

ระยะเวลาที่ควรรอก่อนเข้าอยู่

จากการศึกษาของสมาคมสถาปนิกไทย (2022) พบว่าควรรอระยะเวลาหลังการปรับปรุงบ้านดังนี้:

  1. การทาสีน้ำ: อย่างน้อย 3-7 วัน
  2. การทาสีน้ำมัน: อย่างน้อย 7-14 วัน
  3. การปูพื้นและติดวอลล์เปเปอร์: อย่างน้อย 5-10 วัน
  4. การติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้อัดใหม่: อย่างน้อย 14-30 วัน

ทั้งนี้ ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปตามสภาพอากาศ ความชื้น และประสิทธิภาพของการระบายอากาศ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกลิ่นอับสีในบ้าน

1. กลิ่นสีใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะหายไปหมด?

กลิ่นสีใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ในการระเหยหมด ขึ้นอยู่กับชนิดของสี สภาพอากาศ และการระบายอากาศ สีน้ำมันจะใช้เวลานานกว่าสีน้ำ โดยสีน้ำอาจใช้เวลา 3-7 วัน ในขณะที่สีน้ำมันอาจใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ ตามการศึกษาของสมาคมผู้ผลิตสีแห่งประเทศไทย (2023)

2. สีชนิดใดมีสาร VOCs น้อยที่สุดและปลอดภัยที่สุด?

สีน้ำที่มีฉลาก "Low VOCs" หรือ "Zero VOCs" มีสารระเหยน้อยที่สุด บางยี่ห้อมีการรับรอง Green Label หรือ GREENGUARD ซึ่งผ่านการทดสอบว่าปล่อยสารพิษน้อย การศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (2022) พบว่าสีที่มีฉลาก Zero VOCs ปล่อยสารระเหยน้อยกว่าสีทั่วไปถึง 90%

3. เด็กเล็กและสตรีมีครรภ์ควรรออยู่ห่างจากบ้านที่เพิ่งทาสีนานแค่ไหน?

องค์การอนามัยโลก (WHO) และราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยแนะนำให้เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีและสตรีมีครรภ์ควรรออย่างน้อย 2-4 สัปดาห์หลังการทาสีน้ำมัน และอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์หลังการทาสีน้ำ ทั้งนี้ควรมีการระบายอากาศอย่างดีตลอดเวลา

4. มีวิธีเร่งการระเหยของกลิ่นสีให้หายเร็วขึ้นได้อย่างไร?

การเปิดหน้าต่างพร้อมใช้พัดลมช่วยหมุนเวียนอากาศเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด นอกจากนี้ การใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองคาร์บอน การวางถ่านกัมมันต์ หรือเบกกิ้งโซดาไว้ตามมุมห้อง และการรักษาอุณหภูมิห้องให้พอเหมาะ (25-28°C) จะช่วยเร่งการระเหยได้ วารสาร Indoor Air พบว่าการใช้วิธีเหล่านี้ร่วมกันสามารถลดระยะเวลาระเหยได้ถึง 40-60% (Chen et al., 2021)

5. อาการแพ้สีจะแตกต่างจากอาการแพ้ทั่วไปอย่างไร?

อาการแพ้สีมักเกิดขึ้นเฉพาะเมื่ออยู่ในบริเวณที่มีกลิ่นสี และจะดีขึ้นเมื่อออกจากพื้นที่นั้น อาการมักรวมถึงปวดศีรษะ คลื่นไส้ วิงเวียน แสบตา แสบจมูก และระคายเคืองผิวหนัง ในขณะที่อาการแพ้ทั่วไปอาจเกิดตามฤดูกาลหรือเมื่อสัมผัสสารก่อภูมิแพ้เฉพาะ ตามข้อมูลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (2023)

6. เครื่องฟอกอากาศทั่วไปสามารถกำจัดสาร VOCs จากสีได้หรือไม่?

เครื่องฟอกอากาศทั่วไปที่มีเพียงแผ่นกรอง HEPA ไม่สามารถกำจัดสาร VOCs ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเป็นเครื่องที่มีแผ่นกรองคาร์บอนแอคทีฟหรือระบบ Activated Carbon เท่านั้น การศึกษาโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ (2023) พบว่าเครื่องฟอกอากาศที่มีเพียงแผ่นกรอง HEPA สามารถกำจัดสาร VOCs ได้เพียง 10-15% ในขณะที่เครื่องที่มีแผ่นกรองคาร์บอนสามารถกำจัดได้ถึง 60-80%

7. มีผลิตภัณฑ์ธรรมชาติใดบ้างที่ช่วยดูดซับกลิ่นสีได้?

ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพในการดูดซับกลิ่นสีได้แก่:

การวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (2022) พบว่าถ่านกัมมันต์ที่วางในห้องขนาด 20 ตารางเมตรสามารถลดความเข้มข้นของสาร VOCs ได้ถึง 65% ภายใน 48 ชั่วโมง

8. มีวิธีป้องกันการสะสมของสาร VOCs ตั้งแต่เริ่มต้นการปรับปรุงบ้านได้อย่างไร?

การป้องกันตั้งแต่ต้นมีวิธีดังนี้:

งานวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (2023) แนะนำว่าการเลือกสีประเภท Zero VOCs ร่วมกับการวางแผนการระบายอากาศที่ดีสามารถลดการสะสมของสาร VOCs ได้มากถึง 85%

9. อันตรายจากสาร VOCs จะกระทบต่อสัตว์เลี้ยงอย่างไร?

สัตว์เลี้ยงมีความไวต่อสาร VOCs มากกว่ามนุษย์ โดยเฉพาะนก สัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก และสัตว์ที่มีระบบทางเดินหายใจไวต่อสิ่งกระตุ้น จากข้อมูลของคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (2023) พบว่า:

10. เด็กทารกและผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ควรทำอย่างไรเมื่อต้องเข้าอยู่บ้านที่เพิ่งปรับปรุง?

คำแนะนำสำหรับกลุ่มเสี่ยงมีดังนี้:

ตามคำแนะนำของสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย (2023) ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ควรเตรียมยาประจำตัวไว้ให้พร้อมและควรปรึกษาแพทย์ก่อนย้ายเข้าบ้านที่เพิ่งปรับปรุง

สรุปบทความกลิ่นสีในบ้านใหม่ อันตรายใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

การทาสีและปรับปรุงบ้านเป็นกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มคุณค่าและความสวยงามให้กับที่อยู่อาศัย แต่ผลข้างเคียงจากสารเคมีที่ใช้อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้หากไม่ได้รับการจัดการที่เหมาะสม ข้อมูลจากงานวิจัยล่าสุดชี้ชัดว่าสารระเหยอินทรีย์ (VOCs) ที่ปล่อยออกมาจากสีและวัสดุตกแต่งสามารถส่งผลกระทบทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางเช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การระบายอากาศอย่างเพียงพอ และการใช้วิธีธรรมชาติร่วมกับอุปกรณ์ทันสมัยในการกำจัดและลดสารพิษ จะช่วยให้คุณและครอบครัวอยู่อาศัยในบ้านที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง มาตรการป้องกันและการตรวจสอบคุณภาพอากาศเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

จากงานวิจัยและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญพบว่า การรอระยะเวลาที่เหมาะสมก่อนเข้าอยู่อาศัย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสาร VOCs ต่ำ และการใช้วิธีการลดสารพิษที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพได้อย่างมีนัยสำคัญ ความปลอดภัยของครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การลงทุนเพิ่มเติมเพื่อคุณภาพอากาศที่ดีจึงเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพในระยะยาวที่คุ้มค่า


บทความที่น่าสนใจ by News Daily TH

✪ เข้าหน้าร้อนแล้ว ไม่ล้างแอร์นาน เสี่ยงเกิดโรคปอดอักเสบ

✪ ทำไม หมาแมว ดมฝุ่นตลอดถึงไม่เป็นอะไรเหมือนคน?

✪ ความหวังใหม่ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ชายออสเตรเลียคนแรกของโลกที่ใช้หัวใจเทียมทั้งหมด

หากอ่านแล้วบทความมีประโยชน์ กดโหวต ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ ให้ด้วยนะคะ

เนื้อหาโดย: News Daily TH
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
บทความ ชุมชน's profile


โพสท์โดย: บทความ ชุมชน
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
15 VOTES (5/5 จาก 3 คน)
VOTED: News Daily TH x เปิด War, รู้ไว้ใช่ว่า by News Daily TH, momon
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
4 นักษัตรดวงเศรษฐี ยิ่งอายุมากยิ่งเงินไหลมา—ช่วงพีคอยู่ที่วัยกลางคนทหารไทยพบหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ ยืนยันว่า มี "มหาอำนาจ" แอบส่งอาวุธหนักทันสมัยให้เขมร"ฝนดาวตกเจมินิดส์" กับคำอธิษฐานบนฟากฟ้าAI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปีเกิดเหตุเตาแก๊สกระป๋องระเบิดในร้านอาหาร11 นายกรัฐมนตรีไทย ที่วาระการดำรงตำแหน่งไม่ครบปีชายแดนไทย -กัมพูชาดุเดือดทหารเขมรระดมยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 โจมตีใส่พื้นที่ช่องอานม้า ทหารไทยไม่รอช้าโต้กลับทันทีทรัมป์ยันจะตอบโต้ หลังทหารมะกัน 2 นาย และ ล่ามพลเรือน 1 ราย เสียชีวิตในซีเรียนางเอกดัง "เหอ ชิง" เสียชีวิตแล้วมาเลเซียเตรียมจัดการประชุมพิเศษอาเซียน ว่าด้วยเหตุปะทะบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย"ฮุนเซน" เผยเหตุผลที่ไม่ให้ "คนไทย" ข้ามแดนกลับประเทศตอนนี้..เพราะหวั่นมีอันตรายจากระเบิดเครื่องบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ประสบเหตุขัดข้องกลางอากาศ เลยบินวกกลับที่เดิม
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
แนะนำ! เว็บไซต์ ai สามารถวาดรูป [l8+](สร้างฟรี) ผู้ใหญ่เท่านั้น"ฝนดาวตกเจมินิดส์" กับคำอธิษฐานบนฟากฟ้าเกิดเหตุเตาแก๊สกระป๋องระเบิดในร้านอาหารธงไทยโบกสะบัด 14 ธ.ค. 68 เวลา 07.00 น. นาวิกโยธิน ปักธงชาติไทย ยึดคืนและควบคุมพื้นที่บ้านสามหลัง จ.ตราด สำเร็จ!ทหารไทยพบหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ ยืนยันว่า มี "มหาอำนาจ" แอบส่งอาวุธหนักทันสมัยให้เขมร“นายกฯ” ยืนยันเดินหน้าทางทหารจนพ้นภัยคุกคาม โต้ “ทรัมป์” ว่าระเบิดไม่ใช่อุบัติเหตุ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ทั่วไป
หนุ่มไทยร้องไห้ระงม! "มันแกว นมคุณธรรม" ท้องแล้วจ้า!!การนอนหลับมีความสัมพันธ์กันกับสุขภาพจิต ปัญหาโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคอารมณ์สองขั้ว หากนอนไม่หลับ นอนหลับไม่พอ ย่อมก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตได้Emotional Weather Forecast พยากรณ์อารมณ์ ทักษะการเป็นเพื่อนที่ดีกับหัวใจตัวเองWork life harmony ความกลมกลืนระหว่างการทำงาน และ การใช้ชีวิต นั่งทำงานไปด้วยและพักผ่อนไปในตัว เคล็ดลับในการบรรลุความสมดุลในชีวิต
ตั้งกระทู้ใหม่