ความเห็นที่แตกต่างของคนที่ไม่ชอบ THE NORTHMAN หนังขวัญใจนักวิจารณ์ที่ไม่ได้ถูกใจทุกคน
โพสท์นี้ขออนุญาตแสดงความเห็นที่แตกต่างถึงความรู้สึกในการรับชม THE NORTHMAN จากผู้ชมที่ไม่เพียงแต่ไม่ชอบเหมือนนักวิจารณ์และคนดูส่วนใหญ่แล้ว ยังอาจถึงขั้นเกลียดด้วยซ้ำ แต่จะมีเหตุผลชี้แจงโดยละเอียดนะครับ หากมีทัวร์ลงขอแบบสุภาพเบาๆ มีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อกันเพราะคนเราเห็นต่างกันได้ตามหลักประชาธิปไตย
หนังเรื่องนี้ฉายที่เฮ้าส์ สามย่านเท่านั้น มีการโฆษณาและบอกต่อๆ กันจากนักวิจารณ์ สื่อมวลชน และคอหนัง ว่าเป็นหนังที่ดีมาก คุณภาพเต็มเปี่ยม มีการขอร้องกึ่งบังคับจากเพื่อนเฟสให้ไปดูให้ได้เพราะรีวิวดีมาก และหากดูแล้วต้องรีวิวด้วย (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะบังคับให้ต้องรีวิวดีตามหรือไม่ แต่เมื่อใจไม่เห็นด้วยก็จำเป็นต้องขอขัดแย้งนะครับ)
เมื่อกระแสมันโหมขนาดนี้ ใจจึงมีความคาดหวังสูงลิบลิ่ว แม้ไม่ได้อ่านคำวิจารณ์คนอื่น แต่ก็ได้เห็นคะแนนแล้วว่ามันมาสูง IMDb นักวิจารณ์ให้เฉลี่ยถึง 82/100 ประชาชนยัง 7.2/10 เว็บมะเขือนี่นักวิจารณ์ชอบถึง 89% แปลกใจนิดๆ ที่คนดูให้เพียง 64% แต่ก็ไม่ได้เผื่อใจไว้ว่าเราจะอยู่ในส่วน 36 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่ชอบ เพราะส่วนใหญ่เรามักอยู่ข้างเสียงส่วนใหญ่เสมอ เพราะนิสัยเราคนไทยแท้ ใครชนะก็โดดเข้าข้างนั้นประจำ อิอิ
ในที่สุดเราก็ยอมเสียเวลาเดินทางไกล นอกจากเวลาดูหนัง 2 ชั่วโมง 17 นาทีแล้ว บวกการเดินทางไปกลับอีก 4 ชั่วโมงก็เท่ากับหมดเวลาไปครึ่งวัน โชคดีที่ดาดฟ้าสามย่านมิตรทาวน์และอุโมงค์รถไฟใต้ดินมีที่ให้ถ่ายรูปเล่น เราจึงมีความสุขใจกลับมาบ้านบ้าง หนังเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดแอ็คชั่น ผจญภัย ดราม่า แฟนตาซี ประวัติศาสตร์ และระทึกขวัญ กำกับโดย โรเบิร์ต เอ็กเกอร์ส์ ที่เราเคยชอบจากเรื่อง THE LIGHTHOUSE หนังปี 2019 ฉายที่เฮ้าส์เหมือนกัน แต่ต้นปีโควิดที่บ้านเราหนังใหญ่ไม่ยอมเข้าฉายเรื่องนี้เลยได้กระจายฉายในเมเจอร์จึงมีโอกาสได้ดูแล้วรู้สึกชอบเพราะหนังสะท้อนสัญชาติญานดิบมนุษย์ที่อยู่กันตามลำพังได้เป็นอย่างดี นำแสดงโดยวิลเลม เดโฟ และ โรเบิร์ต แพททินสัน (กรีนก็อบลินกับเดอะแบทแมนทไวไลท์)
หนังทำเงินทั่วโลกไป 68 ล้าน แต่ลงทุน 60 ล้าน $ ก็ถือว่าไม่ใช่น้อย ตามหลักต้องเรียกขาดทุนเพราะไม่คุ้มค่าโฆษณาและการตลาด แต่สายอวยก็เห็นว่าหนังประสบความสำเร็จเพราะเขาว่าหนังที่ดูยากขนาดนี้ได้เงินขนาดนี้ก็ดีแล้ว ก็ว่ากันไปครับ ดีก็ดี แต่พอดีคำว่าดูยากมาเกี่ยวข้องเราก็ต้องเริ่มเตรียมใจแล้ว
ต่อไปนี้มีสปอยล์ หนังย้อนยุคไปในสงครามไวกิ้ง เรื่องเกิดในดินแดนสแกนดิเนเวีย ย้อนยุคไปในปี ค.ศ. 800-900 นักรบนับถือเทพเจ้าโอดิน หากตายในสนามรบจะเป็นเกียรติ วิญญานจะได้ไปสถิตอยู่กับเทพในดินแดนวะฮะฮ่า (ฮากริบ) แม้จะใช้ดาราสวีเดนแท้ๆ อย่างอเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด พระเอกทาร์ซานมาเป็นพระเอกเรื่องนี้ หนังก็พูดภาษาอังกฤษกันทั้งเรื่อง ดาราคนอื่นก็เป็นสัญชาติอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย BJORK นักร้องท้องถิ่นร่วมแสดงเป็นแม่หมอด้วย ในช่วงพิธีกรรมก็มีการใช้ภาษาถิ่นบ้าง เนื้อเรื่องกล่าวถึงเมืองทางเหนือที่ปกครองโดยกษัตริย์อีธาน ฮอว์ค (ตอนนี้มีหนังเบิ้ลสองเรื่องเลยครับ อีกเรื่องก็ THE BLACK PHONE สายหลอนซ่อนวิญญาน กำลังดังเลย) พระเอกเป็นลูกชาย อยู่ดีๆ อาหรือน้องพ่อก็ฆ่าพ่อตายและยึดทั้งเมืองยึดทั้งแม่ ลูกชายวัยเด็กหนีได้ อยู่ดีๆ หนังก็ตัดไปสิบปีโตมาเป็นนักฆ่าผู้ชำชองไร้หัวใจ เป็นมาอย่างไรก็ไม่บอก รู้แต่ว่ามีไฟแค้นเต็มอก แค้นที่พ่อโดนอาฆ่า แต่ตัวเองโตมาก็ไปยึดบ้านเมืองเขาฆ่าชาวบ้านเป็นผักปลาโดยไม่เคยรู้สึกผิดใดๆ ต่อมาได้ข่าวอาโดนยึดเมืองต้องพาแม่หนีไปเป็นหัวหน้าเผ่าชาวไร่กระจอกงอกง่อย เมื่อกองทัพตัวเองจะส่งทาสไปบรรณาการอา จึงปลอมเป็นทาสกะไปฆ่าล้างแค้น จึงปั๊มตราทาส(ที่เป็นเหล็กไฟสัญลักษณ์)กับอกตัวเอง อันนี้ก็ตลกดี เจ็บตัวฟรีเพราะทั้งเรื่องต่อมาไม่มีความจำเป็นเลย ตอนเป็นทาสก็ไม่มีใครขอดู เป็นทาสแป๊บเดียวก็เปิดเผยตัวแล้ว
มีไอเท่มอีกสองรายการที่เราเห็นว่าตลกคือ สร้อยคอที่พ่อให้ พระเอกเราพกติดตัวตลอด เป็นของล้ำค่า ความจริงก็คือของที่พ่อไปยึดมาจากการฆ่าผู้อื่น มันไม่ใช่ของตัวเองตั้งแต่แรกก็ไม่รู้จะหวงไว้ทำไม อีกอย่างคือดาบที่แม่หมอหรือพ่อหมอจำไม่ได้(ในเรื่องหมอดูเยอะ)ให้พระเอกไปหามาอย่างยากลำบากไว้แก้แค้นสำเร็จ เอาจริงดาบก็แทบไม่มีประโยชน์ แค้นพ่อแทบตายสุดท้ายไปฆ่าลูกติดพ่อที่ไม่ได้มีความผิดอะไรกับตัวเอง แถมไปแทงเขาตอนนอนหลับด้วยนะ แมนมากๆ เท่านั้นก็ถือว่าได้แก้แค้นแล้ว
สิ่งที่คนดูทั่วไปชอบที่สุดจากหนังเรื่องนี้คือการหักมุมสำคัญของเรื่อง นั้นกลับเป็นสิ่งที่เราและบางคนไม่ชอบที่สุดจากหนังเรื่องนี้เช่นกัน (สปอยล์แรง) นั่นคือตั้งแต่ต้นเรื่องที่อาฆ่าพ่อยึดเมืองยึดแม่ นั้นที่จริงเป็นแผนของแม่เพราะแม่เกลียดพ่อและเป็นชู้กับอา แถมแม่ยังยินดีให้ฆ่าลูก(พระเอก)ด้วย เพราะไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิด ถ้าได้อาก็ทำลูกใหม่ได้ แต่ถ้าพระเอกแก้แค้นสำเร็จ แม่ก็จะยอมเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยการเป็นเมียลูก ว่าแล้วก็จูบปากไปหนึ่งที เห็นแล้วขยะแขยงนิโคล คิดแมนกับบทนี้มากๆ ครับ ดาราในดวงใจแท้ๆ แต่โดนลูกฆ่าซะก็ดี ลูกก็เลวได้ใจฆ่าแม่ฆ่าน้องแม้แต่เด็กก็ไม่เว้น สรุปทั้งเรื่องไม่รู้ว่ามีใครดีบ้างนอกจาก อันย่า เทย์เลอร์ จอย ผู้หญิงลึกลับที่สืบเชื้อสายผู้วิเศษในตัว แต่ถึงจะวิเศษอย่างไรก็ตกเป็นทาสเขาง่ายๆ อยู่ดี ปกป้องตัวเองได้ดีที่สุดโดยการเปิดท่อนล่างโชว์ระดู (ฉากนี้คนดูบางคนเห็นว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว)
ทีแรกความคาดหวังของเราคือ พระเอกหนีได้ตอนเด็ก ไปรวมไพร่พลที่รักตัวเองและพ่อยกกองทัพมาสู้เป็นสงครามประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่โลกจาลึกแบบอาเธอร์อเล็กซานเดอร์อะไรขนาดนั้น ไหนได้แอบปลอมตัวเป็นทาสมาคนเดียว แผนการรบอะไรก็ไม่มี อาศัยแฟนตาซีและหมอดู หนังเหมือนจะจริงจังแต่ก็สลับเอาความเชื่องมงายมาใส่ไว้เต็มไปหมด ปั่นภาพจริงกับหลอนจนหลงซึ่งนี่ก็อาจเป็นรูปแบบการนำเสนอที่ถูกใจคนดูส่วนใหญ่ แต่สำหรับเราไม่อินไปด้วยเลยครับ แล้วเมืองอันยิ่งใหญ่อลังการตามสิ่งที่เราคิดมันกลับเหลือแค่ฟาร์มชาวไร่บนเกาะห่างไกลความเจริญ ดูเหมือนทุนน้อยต้อยต่ำบางระจันนเรศวรสุริโยทัยเรายังทำได้ยิ่งใหญ่กว่า ไม่รู้เหมือนกันว่า 60 ล้านที่ลงไปนี้เอาไปฟอกตรงไหนหมด
สรุปสิ่งที่คนอื่นชอบทั้งเนื้อหาและการนำเสนอ คือสิ่งที่เราไม่ชอบนะครับ นี่เป็นความเห็นที่ตรงกัน เอิ่ม ตรงข้ามกันโดยสมบูรณ์
ขออภัยหากการบรรยายนี้ขัดใจไม่เป็นที่ถูกใจ อาจมีเม้นท์ประเภทดูหนังไม่เป็น ตาไม่ถึง อันนี้เรายอมรับตรงนี้เลยนะครับว่าดูหนังไม่เป็น ตาไม่ถึง ท่านจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเม้นท์ด้วยความเห็นประเภทนี้ สำหรับเรานี่คือหนังที่ไม่สนุกที่สุดในปี 2022 แถมต้องเสียเวลาถ่อไปซะไกลด้วย ทำกับเราขนาดนี้จึงขอใช้เวลาระบายข้อความเยอะหน่อย ขอบคุณที่ทนอ่านกันครับ
ทีจ
อ้างอิงจาก: IMDb/ Universal/ UIP/ House Samyan