[รีวิวSeries Netflix] Hurts Like Hell เจ็บเจียนตาย ดูครบ4Ep. เม้าส์ได้ละ
ใครชอบฟังมากกว่า ดูรีวิวจัดเต็มที่นี่
Hurts Like Hell เจ็บเจียนตาย (B+)
ดูจบครบ 4 Ep. มาเม้าส์ได้ละ
หลังจากเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเพราะฉีดวัคซีนมา
ก็เลยเปิดHurts Like Hell ในNetflix ดูยาวไปจนจบ
และพบว่า..
เออ เราอยู่ในฝั่งที่ชอบแฮะ
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็มีทั้งฝั่งที่ชอบ และฝั่งที่ไม่ได้ชอบขนาดนั้น ออกมารีวิวกันหลายสำนัก
สำหรับเรา การที่ซีรีส์สามารถพาคนที่ไม่ค่อยรู้จัก และไม่ค่อยสนใจ "มวยไทย" แล้วได้มาดูจนรู้สึกเอนจอยกับตัวซีรีส์ ก็ถือว่าเก่งแล้วนะสำหรับเรา รวมถึงตอนที่ดูก็แอบรู้สึกเห็นใจ สงสารในชะตากรรมของตัวละคร และความวนลูปในวงการนี้ที่แม้เป็นศิลปะวัฒนธรรมหลักของชาติ แต่กลับอยู่ได้เพราะเงินที่ไหลเวียนจากเซียนพนัน มากกว่าการสนับสนุนและเข้ามาดูแลแก้ปัญหาจริงจังจากภาครัฐ คนเข้ามาวงการดูมีความต้องปากกัดตันถีบ ซึ่งแม้จะเหมือนหลายๆวงการที่ภาครัฐลอยแพ แต่กรณีนี้ มีเคสที่เป็นรูปธรรมชัดเจน เล่าให้เราเห็นว่า หากขาดการจัดการระบบที่ดี เมื่อถูกครอบงำโดยอำนาจนอกระบบ มันจะส่งผลอย่างไรออกมาได้บ้าง?
เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ทำให้เราเข้าใจมิติที่หลากหลายของคนสู้ชีวิตที่คิดหันมาเอาดีในเส้นทางนี้มากขึ้น
ส่วนตัวตอนที่ชอบที่สุดของเรื่อง คือตอนที่2 ที่รับบทนำโดยอาปู Vithaya Pansringarm ซึ่งเล่าชีวิตของกรรมการตัดสินมวย ซึ่งต้องเผชิญกับทั้งConflictกับผู้มีอำนาจในวงการ ปัญหาครอบครัวแตกแยก และการดีลกับศีลธรรมที่ยังพอหลงเหลือในจิตใจ เป็นพาร์ทที่เล่าได้ค่อนข้างครบรส พร้อมกับงานโปรดักชั่นและการแสดงที่ดีงาม
ในขณะที่ตอน3-4 ที่หลายคนบอกว่าดรอปลง พอไปเล่าเรื่องเกี่ยวกับนักมวยเด็ก แต่เรากลับชอบและเข้าใจในสิ่งที่มันเล่า โดยเฉพาะตอนท้ายที่อาจจบด้วยความหวังสักนิดนึง หลังจากที่กระซวกอกคนดูแทนความเดือดมาหลายตอน มีความคล้ายบันทึกกรรม ในโปรดักชั่นที่ดูอินเตอร์สากลขึ้น
ติดแค่บางทีพอมันเป็นเพลงฝรั่งขึ้นในบริบทซีรีส์มวยไทย ในงานอาจมีความสากล แต่รู้สึกไม่แน่ใจว่ามันจะเข้ากับตัวงานแค่ไหน แอบติดนิดนึง แต่ก็พอเข้าใจได้ เพราะหลังๆงานไทยหลายชิ้นก็เป็นเพลงฝรั่งไปหมด
เราติดสุดน่าจะเป็นตอนแรกแหละ โดยเฉพาะฉากจบสะเทือนขวัญ เรารู้สึกว่ามันมีความจงใจมากๆโดยเฉพาะช่วงบทสนทนาของตัวละครณัฐฏ์ และเมโกะ ขึ้นใส่กัน รวมถึงพาร์ทสัมภาษณ์บุคลากรมวยที่หลายคนมองว่าทำให้เรื่องย้วย น่าเบื่อ ซึ่งในตอนแรก เราก็แอบรู้สึกแปร่งๆเช่นกัน
แต่พอมาดูในสามตอนหลัง เรารู้สึกเข้าใจได้ และคิดว่าบทสัมภาษณ์เหล่านั้น มันเป็นการช่วยขยี้บาดแผลในวงการมวย ให้เราได้เข้าใจและรู้สึกตามสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องมากขึ้น โดยเฉพาะการได้เห็นว่า การต่อยมวยที่ควรเป็นความรักและแพชชั่น กลับกลายเป็นที่ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อน การดีลต่อรอง การข่มขู่คุกคาม ไปจนถึงการดักทำร้ายหรือลอบเก็บ เพราะขัดใจขาใหญ่ในวงการ (จุดนี้ขอชมอาเอก ธเนศด้วย เล่นโคตรดี โดยเฉพาะฉากนั่งแท๊กซี่กับอาปู ดูน่ากลัวน่าขนลุกมาก)
งานโปรดักชั่นคงมีคนชมไปเยอะแล้ว
จัดแสง จัดไฟ ถ่ายภาพ ลำดับภาพต่างๆ ดูดีมาก
อยากให้Netflixสนับสนุนคอนเทนต์และคนทำงานรุ่นใหม่แบบนี้อีกเรื่อยๆนะฮะ