ถอดบทเรียนHalloween!!! จากงานสุดอันตรายที่ถูกแบนในหลายเมืองกลายเป็นงานรื่นเฉลิมฉลองที่ดูเหมือนจะปลอดภัย
เทศกาล Halloween เป็นเทศกาลระดับโลกที่เหล่าผู้คนจะมาเฉลิมฉลองทุกวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี แต่กว่าจะเป็นการเฉลิมฉลองในปัจจุบัน Halloween เคยเป็นงานเทศกาลสุดอันตรายที่หลายเมืองเคยยกเลิกมาแล้ว
ประวัติสุดอันตรายของ Halloween
แต่เดิม Halloween มาจากคำว่า All Hallows' evening ที่มีความหมายว่า “ยามเย็นแห่งนักบุญทั้งผอง” ซึ่งเป็นวันที่ชาวคริสต์จะแต่งกายเลียบแบบภูตผี จุดตะเกียงที่ทำจากฟักทองแกะสลัก และเด็กๆ แต่งกายชุดแฟนซีตระเวนเคาะประตูตามบ้านเพื่อขอขนมมิเช่นนั้นจะแกล้ง (Trick-or-Treating)
แต่ในอดีตเทศการ Halloween จะมีเฉพาะการกลั่นแกล้ง (Tricking) ซึ่งรุนแรงกว่าในปัจจุบันมากนักหรืออาจจะกล่าวว่าเน้นการทำลายข้าวของให้เสียหายยับเยินเลยก็ได้ ในช่วงปี 1800S เด็กๆ ชาวอเมริกันจะเน้นการทำลายข้าวของในที่นาไร่สวนอย่างสาหัส ตั้งแต่การนำรถลากไปซ่อน ถอนรากผักผลไม้ในสวน ไปจนถึงทำลายอาคารต่างๆ ให้ล้มพัง หรือปล่อยปศุสัตว์ให้หนีออกจากคอกเป็นต้น สำหรับเด็กๆ ในเมืองใหญ่บางรายอาจจะสุมควันจากกองขยะแล้วรมคนในบ้าน เจาะยางรถยนต์ (สมัยนั้นเพิ่งจะเริ่มมีการประดิษฐ์รถยนต์รุ่นแรกๆ) ไปจนถึงเอาศพปลอมไปวางขวางทางรถไฟก็มี
แม้ว่าเจตนาของเด็กๆ ในช่วงแรกคือการเล่นสนุกในวัน Halloween แต่บางครั้งพวกเขาก็คุมสถานการณ์ไม่ได้ก่อให้เกิดไฟไหม้บ้าน ทำลายกระจกของตัวอาคาร ไปจนถึงทำลายถนนหนทาง ซึ่งความอดทนของชาวเมืองนั้นมีจำกัด ในปี 1902 สำนักพิมพ์ท้องถิ่นในบางเมืองได้เสนอให้ชวงเมืองเตรียมหิน ปืนลม หรือปืนยิงนกป้องกันตัวจากเหล่าเด็กๆ ที่เตรียมจะมา “กลั่นแกล้ง” อย่างถึงแก่น ผลลัพท์มีตั้งแต่เหล่าเด็กๆ ได้รับบาดเจ็บ หรือล้มตายจากการตอบโต้กันเลยทีเดียว
วิธีการแก้ปัญหาจนกลายเป็นประเพณีในปัจจุบัน
ปัญหา Halloween เริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในปีที่เศรษฐกิจตกต่ำ เด็กจะเริ่มทำลายข้าวของไปจนถึงปล้นอาคารห้างร้าน หลายๆ เมืองเริ่มตัดสินใจแบนไม่ให้มีการจัดงาน Halloween อีกต่อไป แต่บางเมืองไม่ได้มองแบบนั้น พวกเขาคิดว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ถ้าแบบนั้น เรา “ซื้อ” เด็กเพื่อให้พวกเขาลดละเลิกการกระทำสุดเลวร้ายจะง่ายกว่า
ในบางเมืองทั้งองค์การศาสนา ชาวเมือง และเจ้าหน้าที่ได้ร่วมมือกันปรับเปลี่ยน Halloween จากกิจกรรมสร้างปัญหาให้กลายเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้น โดยพวกเขาพยายามสร้างบรรยากาศของงานเลี้ยงโดยตั้งเป้าว่าหากมีเด็กเข้ามาในบริเวณบ้าน พวกเขาจะให้เสื้อผ้าเพื่อแต่งเป็นภูตผี บางบ้านอาจจะให้ขนมขบเคี้ยวไว้รองท้อง หรือบางบ้านอาจจะมีกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ให้เด็กๆ ได้ร่วมสนุกกัน
แนวทางการแก้ไขปัญหานั้นได้ผล เด็กๆ เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และเทศกาลการแต่งตัวเป็นผีตระเวนขอขนมตามบ้านได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Halloween อย่างแท้จริง ปัจจุบันจะไม่ได้มีเพียง Tricking แต่จะเป็น Trick-or-Treating แทน แต่ไม่ใช่ทุกคนจะปรารถนาความสงบสุข เพราะในปี 1980S เหล่าร้ายบางคนพยายามเอสประเพณีความรุนแรงในคืน Halloween กลับบมาอีกครั้ง โดยเฉพาะในปี 1984 เกิดเหตุร้ายในเมือง Detroit สร้างความเสียหายอย่างหนัก เกิดเพลิงไหม้กว่า 800 จุดทั่วเมือง จนต้องมีการประกาศเคอฟิวส์และมีประชากรกว่า 30,000 คน ออกลาดตระเวนในหลายเขตเพื่อความเรียบร้อยเป็นต้น แม้ในปัจจุบัน Halloween เองก็ยังเป็นงานที่มีการโจรกรรมรถยนต์เป็นอันดับต้นๆ ของปี การทำลายข้าวของจนถึงการก่ออาชญากรรมยังคงมีอยู่แม้โลกจะเปลี่ยนแปลงไปมากก็ตาม