ชีวิตดั่งนกในกรงทองของคนจีน
ประเทศจีนคือชาติมหาอำนาจของโลก ผู้เป็นหนึ่งในหลายๆด้าน ทั้งฐานะทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางทรัพยากร เสถียรภาพทางการเมือง ไปจนถึงความแข็งแกร่งทางการทหาร และอำนาจต่อรองในระดับนานาชาติ ประเทศจีนมีความเจริญรุ่งเรืองมานานหลายพันปี และยังคงเติบโต ในระดับที่ชาติอื่นๆยากจะทัดเทียมได้
แต่เหรียญย่อมมีสองด้านอยู่เสมอ ความมั่งคั่งและทรงอิทธิพลของจีน แลกมาด้วยกฎหมายที่เข้มงวด เคร่งครัดและรัดกุมอย่างน่าเกรงขามยิ่ง ประชาชนคนจีนพันสี่ร้อยล้านคน ต้องอยู่ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ออกกฎควบคุมสั่งการแบบเบ็ดเสร็จ ที่หลายครั้งก็ทำให้ประชากรในอีกหลายมุมของโลกถึงกับต้องตื่นตะลึง
นอกจากข่าวการ 'บังคับล็อคดาวน์' ในเหตุการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรนา ที่ยังคงเส้นคงวาอย่างต่อเนื่องหลายปีจนคนจีนส่วนหนึ่งเริ่มจะประสบปัญหาแล้ว เรื่องที่แปลกตาและน่าทึ่งมากที่รัฐบาลกลางของจีนทำอีกอย่าง ก็คือการบังคับใช้กฎ 'Soacial Credit System' หรือ 'ระบบความน่าเชื่อถือทางสังคม' ที่จะมีการให้คะแนนฐานไว้กับคนจีนทุกคน (บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2020) โดยคะแนนดังกล่าวจะถูกลดหรือเพิ่มได้ ตลอดเวลาหากมีพฤติกรรม 'ดี หรือ ไม่ดี' ตามมาตรฐานของทางการ สำหรับผู้ที่ถูกหักคะแนนจนถึงจุดหนึ่ง จากความผิดอย่างการสูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบ การผิดกฏจราจร หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ ก็จะถูก 'ขึ้นบัญชีดำ' ให้ไม่สามารถเข้าใช้บริการสาธารณะอย่างรถไฟความเร็วสูง หรือการโดยสารทางสนามบินได้ แต่ในขณะเดียวกัน คนที่ทำประโยชน์ต่างๆ ก็จะได้รับคะแนนบวกเพิ่มให้ด้วยเช่นกัน
ประเทศจีนสามารถใช้งานระบบดังกล่าวได้ เนื่องจากมีศักยภาพมากพอในทางเทคโนโลยีชั้นสูง อย่างระบบตรวจจับใบหน้าและระบุตัวตนจากกล้องวงจรปิดคุณภาพสูง ที่ติดตั้งอยู่ทั่วประเทศมากถึงราวๆ 540 ล้านตัว และมันทำงานได้ดีจนแทบจะไร้ที่ติ !!