สามประเทศในโลกที่อนุญาตให้ปลูกและขายกัญชาในเชิงพานิชย์ได้
'กัญชา' เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่ปลูกได้ทั่วไป
โดยปกติมักจะใช้ส่วนช่อใบมาตากให้แห้ง บด แล้วสูบแบบใบยาสูบ
หรือบางครั้งก็ใช้เคี้ยวหรือผสมลงในอาหาร
ในกัญชาจะมีสาร 'เตตร้าไฮโดรแคนนาบินอล' หรือ THC
ซึ่งมีฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม
แต่ในบางครั้งอาจทำให้แพ้ได้ แม้กัญชาจะถือเป็นพืชที่ใช้ในทางการแพทย์ได้
แต่ที่ผ่านมากัญชาถือเป็นสิ่งเสพย์ติด ซึ่งผู้เสพย์ ผลิต
ครอบครอง หรือจำหน่าย ต้องรับโทษตามกฎหมาย
จนเมื่อกระทรวงสาธารณสุขของไทย ประกาศ 'ปลดล็อค' กัญชาและกัญชง
ให้พ้นจากบัญชีสิ่งเสพย์ติด และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563
ให้สามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาและกัญชงได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
(มีเงื่อนไขและรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายข้อ)
ทำให้ปัจจุบัน เราสามารถ :
- สามารถสูบกัญชาเพื่อการสันทนาการได้ แต่ต้องเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล
- สามารถจำหน่ายส่วนต่างๆของกัญชาได้
ไม่ต้องขออนุญาตตามกฎหมายยาเสพติด ยกเว้นเมล็ดพันธุ์และกิ่ง ที่ต้องขออนุญาตก่อน
- ปลูกกัญชาที่บ้านและจำหน่ายได้ แต่ต้องขึ้นทะเบียนก่อน
- ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเพื่อจำหน่ายได้ (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)
แต่มีข้อห้ามหลายข้อ อย่างเช่น :
- ห้ามนำเข้ากัญชาในลักษณะเป็นต้น ให้นำเข้าเมล็ดได้
- ห้ามสูบในที่สาธารณะ
หลังจากการปลดล็อคกัญชาและกัญชงนี้ ทำให้ปัจจุบันประเทศไทย
เป็นเพียงหนึ่งใน 3 ประเทศในโลก ที่สามารถปลูกและจำหน่ายกัญชา
ในเชิงพานิชย์เพื่อการสันทนาการได้ (แม้จะยังมีข้อจำกัดบางอย่างอยู่)
โดยอีก 2 ประเทศที่อนุญาตในลักษณะเดียวกัน คือประเทศแคนาดา และอุรุกวัย