วิธีรักษา Mental health ให้มั่นคง จิตใจไม่แหลกสลายประคองตัวเองได้
เพราะเราคือมนุษย์ธรรมดา การที่จะรู้สึกไปกับความเหงา ความโกรธ ความเศร้านั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติมากๆ หากไม่หมั่นคอยทำให้สุขภาพจิตดีอยู่เสมอเวลาที่เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นมันก็ยากที่จะรับมือไหว ดังนั้นแล้วการรักษาสภาพจิตใจให้เข้มแข็งอยู่เสมอนับว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก
มีวิธีแนะนำนำในการรักษาสุขภาพจิตให้มั่นคงอยู่เสมอดังต่อไปนี้
- ไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นจะทำให้เราเห็นข้อเสีย จุดด้อย จุดบกพร่องของเราได้เยอะมาก ซึ่งคนเราต่างไม่มีความสมบรูณ์แบบด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งในเวลาปกติที่เรามองไม่เห็นไม่ได้ใส่ใจแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลย แต่ถ้าเมื่อใดที่เปรียบเทียบกับคนอื่น จะรู้สึกแย่ มีความมั่นใจน้อยลง กำลังใจถอดถอย รู้สึกท้อแท้สิ้นหวังเอาได้ เพราะฉะนั้นแล้วทำหน้าที่ ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องทำให้ดีที่สุด โดยแค่แข่งขันกับตัวเองก็พอ
- ไม่คาดหวังในตัวคนอื่น
คนเราต่างใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง แค่ทำเพื่อตัวเองก็ถือว่ายากลำบากเอามากๆ แล้ว หากต้องมาแบกรับความคาดหวังของคนอื่นอีก มันก็ยิ่งหนักยิ่งเหนื่อย เป็นเรื่องที่น่าลำบากใจอีก ความผิดหวังเกิดได้ในทุกช่วงชีวิตของคนเราได้ทั้งนั้น คนอื่นอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวัง หรือทำอะไรเพื่อเราไม่ได้ ในหลายๆ ครั้งมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเลย เรามีความคาดหวังได้ แต่อย่าไปคาดหวังอะไรให้มากนัก เพราะความผิดหวังมีแต่จะสร้างความเจ็บปวดให้กับตัวเอง เหมือนที่เคยมีคนบอกเอาไว้ว่า ไม่คาดหวังไม่ผิดหวังนั่นเอง
- ไม่กดดันทำอะไรเพื่อให้ได้การยอมรับจากคนอื่น
มนุษย์ย่อมอยากได้รับการยอมรับจากผู้อื่น เรามักมองเห็นได้ทั้งจากในชีวิตจริงและในโซเชียลด้วย หลายๆ คนยอมที่จะทำอะไรแปลก ทำอะไรแย่ๆ ก็ได้ ขอเพียงเป็นที่ยอมรับของคนมากมายก็เท่านั้น ซึ่งบางครั้งมันก็มีมากเกินไปจนเกิดเหตุการณ์ที่มีคนเรียกว่า 'หิวแสง' นั่นเอง การต้องการได้รับความสนใจเป็นที่ยอมรับจากคนอื่นมากไป จะเป็นการสร้างความกดดันให้ตัวเอง หากไม่มีคนสนใจหรือได้รับการยอมรับมากกว่าเดิมก็ต้องใช้ความพยายามหนักมาก ซึ่งเป็นการสร้างภาระให้ใจแบกรับสิ่งนั้นเอาไว้เสียเปล่าๆ
- มีงานอดิเรกอย่างน้อย 2 อย่าง
คนเรานอกจากเรื่องงานและการใช้ชีวิตปกติธรรมดาแล้ว ควรมีงานอดิเรกที่ชอบทำด้วย เพราะไม่อย่างนั้นชีวิตจะดูว่างเปล่าเอามากๆ หลังจากการทำงานแล้ว บางคนไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรยังไงดี หรือว่าต้องทำอะไรดีเลย ซึ่งดูเผินๆ เหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เอาจริงๆ แล้วการที่ไม่มีกิจกรรมผ่อนคลายที่ชอบทำเป็นพิเศษนั้นทำให้จิตใจอาจจะไม่ได้รับการพักผ่อน รู้สึกสนุกสนานกับการใช้ชีวิตเอาได้ รวมถึงการมีงานอดิเรกเพียงอย่างเดียวก็อาจจะไม่พอ เกิดวันหนึ่งไม่ชอบ ไม่มีอารมณ์อยากที่จะทำขึ้นมา อาจจะรู้สึกเปล่าเปลี่ยว เคว้างคว้างเอาได้เหมือนกัน ดังนั้นการมีเผื่ออนาคตเอาไว้ก็ยังดีกว่าหวังพึ่งงานอดิเรกเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะ
- งานหนักแค่ไหนก็ต้องแบ่งเวลาพักผ่อนด้วย
คนเราจะรู้สึกดี รู้สึกมีคุณค่าก็จากงานที่ได้ทำ บางคนก็ทุ่มเทให้กับมันเอามากๆ อาจจะเพราะจากความจำเป็นเรื่องเงินทอง หรือว่าเสพติดความสำเร็จต่างๆ ก็ตามที แต่การทำงานหนักๆ เป็นระยะเวลานานๆ โดยที่ไม่มีการผ่อนคลายทางร่างกายหรือจิตใจเลยอาจจะส่งผลเสียในอนาคตได้ ทางกายก็อาจจะอ่อนล้า อ่อนเพลีย รู้สึกเหนื่อย ส่วนทางใจก็อาจจะทำให้เกิดภาวะ Burn out เอาได้ในบางส่วน โดยเฉพาะกับคนที่ทำงานด้านใช้ความคิดสร้างสรรค์ ถ้าเกิดภาวะนี้ขึ้นมา อาจส่งผลกับชีวิตด้านการงานระยะยาวเอาได้เลย
- ห่างหายจากโซเชียลเสียบ้าง
การติดโซเชียลมากไปทำให้เราต้องรับรู้เรื่องราว ข่าวสารต่างๆ แบบไม่หยุดไม่หย่อน โดยบางทีเราก็อาจจะลืมตัวเผลอเสพมันไปโดยที่ลืมสุขภาพตัวเองว่าควรจะหยุดหรือพอได้แล้ว ซึ่งถ้าเริ่มมากเกินไป มันก็จะกลายเป็นความเครียดไปแทน โดยเฉพาะช่วงที่มีประเด็นดราม่าต่างๆ จะยิ่งทำให้ใจห่อเหี่ยว ถึงขึ้นซึมเศร้าได้เลย ดังนั้นหมั่นเช็คตัวเองให้ดีว่าใช้เวลาไปกับโซเชียลมากเกินไปหรือเปล่า และถ้ารู้ตัวว่าไม่ไหวให้หยุดพัก ตัดขาดจากโซเชียลสักระยะจะดีที่สุด
หมั่นคอยดูแลและรักษาหัวใจตัวเองให้ดี อะไรที่ชอบอะไรทำแล้วสบายใจก็หาเวลาทำบ้าง อย่าแบกความเศร้าความเครียดสะสมแล้วค่อยมาแก้ไขทีเดียว ถึงตอนนั้นแล้วมันจะแก้ไขยากมาก และอาจจะสายเกินไปแล้วจริงๆ
บทความ โดย : Akine_noxx