[รีวิวหนังจากรอบPremiere] THOR : LOVE AND THUNDER ภาคนี้สนุกแค่ไหน? เม้าส์แบบไม่สปอยส์
ใครชอบฟังมากกว่า ดูรีวิวจัดเต็มที่นี่
Thor : Love and Thunder (B)
เรื่องความสนุก ความเอนเตอร์เทน หนังจัดให้อย่างเต็มที่
ตามท้องเรื่องที่หนังจะพาไปได้ แต่ความรู้สึกของเราหลังดู
เราคิดว่า ถ้าให้นิยามหนังภาคนี้ของธอร์
เราอยากนิยามว่ามันเป็นเหมือน "หนังพักร้อน" ของธอร์ประมาณนึงเหมือนกันนะ ประมาณว่าจะไปปลีกวิเวก
แต่ดันมีบางเรื่องที่ต้องอยู่สะสางต่อ
พอบอกว่าเป็นหนังพักร้อน
นัยนึงก็จะนึกถึงความทีเล่นทีจริงของหนัง
ที่มีจังหวะโบ๊ะบ๊ะหนักมาก รวมถึงเสียงแพะวิเศษสองตัว (ซึ่งคุณอาจรำคาญได้หากคุณไม่ชอบเสียงแนวจาร์จาบิง ชาววูกี้หรือเสียงสัตว์คำราม) ฉากปะทะเทพซูสนี่ก็วายป่วงเอ็นเตอร์เทนคนดูสุดๆ
คริสเตียน เบลบนจอใหญ่ในฐานะวายร้ายที่หน้าแอบคล้ายโวลเดอร์มอร์มีจมูก แต่ทำให้เราคิดถึงพี่น้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บทนี้ก็มีความจิตๆประมาณนึงจากปมของตัวเอง ซึ่งเบลสามารถส่งการแสดงเปี่ยมด้วยคุณภาพออกมาอยู่แล้ว แต่เราว่าบทนี้ หากเทียบกับตัวร้ายอย่างธานอสกับคิลมองเกอร์ เราคิดว่าบทกอร์ นักฆ่าเทพเจ้ายังดึงศักยภาพของเบลมาใช้สร้างคาแรคเตอร์ให้ดูมีมิติลึกซึ้งได้ยังไม่มากเท่าสองวายร้ายที่เอ่ยมา
แอบผิดคาดนิดนึง เพราะจากภาคสามที่หนังค่อนข้างทั้งป๊อปคอร์น ป๊อปคัลเจอร์ เรโทร ดูบันเทิงมาก เลยคิดว่าภาคนี้จะเอนเตอร์เทนหนักกว่านี้ แต่ภาคนี้เรากลับคิดว่ารสมือมันแอบเปลี่ยนไป กลายเป็นบันเทิงในฉาบนอก แต่ภายในจริงๆมันค่อนข้างจริงจังพอสมควรและแฝงด้วยความดราม่าที่ชะตากรรมของธอร์ไม่อาจหลีกหนีพ้น ดังนั้นในความเป็นหนังที่ดูเหมือนหนังชิล หนังพักร้อน แต่จริงๆ ธอร์ก็ได้เติบโตอีกก้าวเหมือนกันจากเหตุการณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อจิตใจของนายธอร์ โอดินซัน อีกครั้ง แต่ก็จะมีอะไรใหม่ๆมาเซอร์ไพรต์ในชีวิตธอร์ในตอนท้ายของเรื่องให้แอบว้าวด้วย
นาตาลี พอร์ทแมน รอบนี้ในบทไมรี่ธอร์ ถือว่าโดดเด่นมีแอร์ไทม์เยอะกว่าเดิมมาก หนังจะมีฉากที่แสดงให้เห็นที่มาที่ไปของความสัมพันธ์ระหว่างธอร์-เจนประหนึ่งฉากเริ่มของMarriage Storyเลยทีเดียว เข้าใจเลยว่าทำไมนานาลีถึงกลับมารับบทนี้ เพราะเป็นกุญแจสำคัญของหนังภาคนี้เช่นกัน
และแน่นอนประเด็นLGBTQก็มีโผล่มามากกว่าหนึ่งจุด
คงต้องมาลุ้นว่าบางประเทศจะแบนแบบที่ทำกับ ดร.สเตรนภาค2 กับ ไลท์เยีย หรือ อีเทอนอล ไหม
รวมๆคือดูเพลินดี มีความจัดจ้านเช่นเคย
แต่อาจไม่ได้มีอะไรที่พีคขนาดนั้น
คือภาคนี้ในแง่สเกลเนื้อเรื่อง มันไม่ได้องค์ใหญ่ขนาดนั้น
ทำให้ความเอพิคอาจจะไม่ได้มากเท่าหนังMCUบางเรื่อง
ก็อย่าไปคาดหวังเยอะเกินไป
สำหรับเรายังคงชอบและประทับใจกับ Dr.Strange 2 และ THOR 3 มากกว่า
พรุ่งนี้ขอให้สนุกครับทุกคน ระวังสปอยส์ และอย่าพลาด 2 เอนเครดิต ฉากMid Creditนี่กรี๊ดกร๊าดทั้งโรงเลยแหละ จุ๊ๆ
เอาบรรยากาศรอบพรีเมียร์มาฝากครับ